เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ยอมรับเงินเฟ้อกำลังอาละวาด (Rampant) และควบคุมไม่ได้ (Out of Control) หลังจากหน่วยงานสถิติเผยว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายนพุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี
ตามแถลงการณ์ของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ในวันนี้ (6 ธันวาคม) ระบุว่า “ปัจจัยขับเคลื่อนอัตราเงินเฟ้อสำคัญยังคงเป็นต้นทุนนำเข้า ดังนั้นการทดแทนการนำเข้า (Import Substitution) ยังคงเป็นความคิดที่ดี ไม่ใช่เฉพาะต่อทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังช่วยดึงอัตราเงินเฟ้อให้ต่ำลงได้”
ทั้งนี้ การทดแทนการนำเข้า (Import Substitution) รวมไปถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรมภายในประเทศ การสร้างฐานการผลิตในประเทศให้แข็งแกร่ง และลดการนำเข้า
ตามข้อมูลจากหน่วยงานสถิติฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 8% จากปีที่แล้ว เนื่องจากต้นทุนอาหารที่สูงขึ้น
ส่วนอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 5.6% สูงกว่าเป้าหมาย 2-4% ของธนาคารกลาง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมอาหารและเชื้อเพลิงที่ผันผวน เพิ่มขึ้น 6.5% จากปีที่แล้ว นับเป็นการกดดันให้ธนาคารกลาง ภายใต้การนำของผู้ว่าการเฟลิเป้ เมดัลลา (Felipe Medalla) ดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีมาร์กอสยังกล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจยังดูดี และเงินเปโซแข็งค่าขึ้นแล้วเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ หลังสกุลเงินท้องถิ่นแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในไตรมาสนี้ เคลื่อนไหวไปทิศทางเดียวกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค
ทั้งนี้ เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ในไตรมาสที่ 3 ขยายตัว 7.6% จากปีก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนส่วนใหญ่มาจากอุปสงค์ภายในประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เกิดอะไรขึ้นกับ ‘ฮ่องกง’ ทำไมสถานะ ‘ศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย’ กำลังถูกสั่นคลอน และอาจกลายเป็นแค่อดีต
- ส่องกรณีศึกษาการเติบโตของ เศรษฐกิจสิงคโปร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่รออยู่ข้างหน้า
- เปิดจุดเด่น เวียดนาม หลังจ่อขึ้นแท่นประเทศที่คว้าชัยในยุค Deglobalization
อ้างอิง: