ครั้งแรกเมื่อได้รับโจทย์ว่าต้องไปสัมภาษณ์ ‘นินจาญี่ปุ่น’ คำถามแรกที่โพล่งออกไปเลยคือ “นินจาจริงๆ หรือคะ?” คงเป็นเรื่องประหลาดไม่ใช่น้อย ถ้าวันใดวันหนึ่งคุณมีโอกาสพูดคุยกับนินจาตัวเป็นๆ ที่มีวิชาชีพนินจาจริงๆ ในยุคสมัยที่โลกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไร้รูปลักษณ์ มีเครื่องบินลอยอยู่บนฟ้า มีบันไดเลื่อนเคลื่อนตัวอัตโนมัติ ใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ส่งข่าวสารแทนนกพิราบ หรือผู้ส่งสารซึ่งมีลมหายใจ
THE STANDARD เป็นสื่อแรกที่ได้รับเชิญให้เข้าพูดคุยกับ ด็อกเตอร์ยามาดะ ยูอิจิ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยมิเอะ ผู้ทำวิจัยเกี่ยวกับนินจามานานกว่า 7 ปี พร้อมนินจาผู้เชี่ยวชาญอีก 3 ท่าน ได้แก่ ฮัตโตริ ฮันโซ, คุโนะอิจิ คาโอริ และ อาชิระ ฮาเกะทาโร จากกลุ่มอาชิระ ซึ่งประจำอยู่ในหมู่บ้านอิกะ
ด็อกเตอร์ยามาดะ ยูอิจิ
เราสัมภาษณ์ทั้ง 4 ท่านหลังงานแถลงข่าวบ้านนินจาจำลอง ซึ่งจะมาเปิดบ้านให้คนไทยได้ชมราวต้นเดือนมีนาคมที่เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต บทสนทนาในวันนั้นปรับภาพลักษณ์ของนินจาที่เคยเข้าใจอย่างสิ้นเชิงว่าวิถีนินจาไม่ใช่วิถีแห่งการฆ่าอย่างที่หลายคนคิด หากแต่เป็นศาสตร์แห่งกลยุทธ์ที่สามารถขับเคลื่อนโลกทั้งใบจากเบื้องหลัง
โลกแห่งนินจาไม่เหมือนในหนัง
ด็อกเตอร์ยามาดะเล่าให้ฟังว่า “หลายคนมองภาพลักษณ์ของนินจาว่าต้องเท่ เก่ง เหาะเหินเดินอากาศ กระโดดขึ้นสู้บนฟ้าแล้วหายวับไปกับตา มีวิชาลับขั้นสูงที่ลักลอบสังหารศัตรูได้ฉกาจฉกรรจ์นัก ในความเป็นจริง ความเป็นนินจาขับเคลื่อนด้วยศาสตร์แห่งกลยุทธ์มากกว่าการต่อสู้ พวกเขาแบ่งงานออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ งานสายลับซึ่งเป็นงานภาคสนาม และงานวางกลยุทธ์ที่เรียกว่านินจุตสึ (Ninjutsu) สายลับของนินจาคล้ายกับสปายในปัจจุบัน คือพวกเขาเก็บข้อมูลเชิงลึกและนำมาวิเคราะห์แผนด้านการทหารเพื่อหวังลดอำนาจทางการทหารของศัตรู การต่อสู้ของนินจาจึงไม่ใช่การต่อสู้โดยตรง แต่เป็นการเอาชนะทางความคิดมากกว่าใช้มีดดาบต่อสู้ ซึ่งถือเป็นนินจาชั้นต่ำสุด”
ฮัตโตริ ฮันโซ
นินจาก็มีชีวิตประจำวันเยี่ยงคนธรรมดา มีศักดินาและค่าแรงเหมือนกันนะ
พอเอ่ยถามถึงชีวิตประจำวันว่าจริงๆ แล้วอาชีพนินจาต้องหลบซ่อนตัวตลอดเวลาหรือเปล่า ฮัตโตริก็ยิ้มตอบอย่างขำๆ ว่า “จริงๆ นินจาก็มีชีวิตประจำวันเยี่ยงชาวบ้านทั่วไปแหละครับ ตอนกลางวันมีอาชีพเป็นชาวนา ทำงานปกติ ตกช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ถึงจะร่วมกันฝึกวิชาตามละดับขั้น แต่ถ้าอยู่ในช่วงสงครามหรือมีศัตรูบุกรุกก็ช่วยกันป้องกันและดูแลพื้นที่เป็นสำคัญ”
ด็อกเตอร์ยามาดะกล่าวเสริมอีกว่า “ในสังคมนินจาก็มีลำดับขั้นในการปกครองเช่นกันครับ ส่วนใหญ่มักอยู่ใต้อำนาจขององค์ไดเมียว ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเจ้าเมือง มีลำดับความเก่งกาจจากล่างสู่สูงสุด เกะนิน จูนิน อะไรก็ว่าไป พวกที่อยู่ระดับสูงจะไร้ชื่อ ไร้ตัวตน อยู่ในเงาตลอดเวลา มีไม่กี่คนที่รับรู้การมีอยู่ของคนนั้น พวกเขาเหล่านั้นจะมีพละกำลังความสามารถที่จะขยับหรือเปลี่ยนแปลงโลกได้ เวลานินจารับงาน ส่วนใหญ่ก็จะรับจากองค์ไดเมียวหรือรับเองก็ได้ ซึ่งทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขและชื่อเสียงของสำนัก ส่วนรายได้ก็แล้วแต่ตกลง สำหรับนินจาอิกะ พวกเขาเป็นเอกเทศกว่านั้น คือมีอิสระและไม่อยู่ภายใต้อำนาจใคร”
ร่ายคาถา
‘มายากลและเปลวไฟ’ สองทักษะแห่งอิงะริว นินจุตสึ
“วิชานินจาส่วนใหญ่จะคล้ายกันหมดครับ เป็นการนำอุปกรณ์ในชีวิตประจำวันมาประยุกต์ใช้ ไม่ว่าจะเป็นเชือก ตะเกียบ เศษหิน ผนังกำแพง แต่นินจุตสึของอิกะริวนั้นพิเศษขึ้นมาอีกระดับ ได้รับการยกย่องว่าเป็นนินจาชั้นสูง มีวิชาลับเกี่ยวกับไฟและเวทมนตร์หลากหลายรูปแบบ ซึ่งล้วนแต่เป็นภาพลักษณ์ที่เราคุ้นชินตามแอนิเมะหรือภาพยนตร์ต่างๆ หนึ่งในมายากลที่เรารู้จักกันดีคือ ‘กูจิ โกชินโบ’ เก้าอักษรปกป้องตนเอง ริน เฮียว โต จา ไค จิน เรตสึ ไซ เซ็น” ด็อกเตอร์ยามาดะให้ข้อมูล
จริงหรือไม่กับวลีที่ว่า “ซามูไรทำงานเบื้องหน้า นินจาทำงานเบื้องหลัง”
“ผมลืมวลีนี้ไปนานมากแล้วนะเนี่ย” ฮัตโตริกล่าว “ให้ว่าตามตรง นินจาก็คือส่วนหนึ่งของซามูไรครับ งานหลักๆ ของนินจาคือการหาข้อมูลโดยมีหัวใจสำคัญคือหลีกเลี่ยงการต่อสู้ พยายามเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด เราวางแผน วางกลยุทธ์เพื่อให้ซามูไรและองค์ไดเมียวนำไปจัดการต่อ คุณก็รู้ว่าวิธีของสายลับต้องทำตัวให้เงียบเชียบที่สุด เรื่องของนินจาเลยมองว่าเป็นงานของเงา เป็นเรื่องลี้ลับที่คนเข้าไม่ถึง”
อาชิระ ฮาเกะทาโร
นินจาคือนิยามของความอดทน ไม่ย่อท้อ
หลังจากฟังด็อกเตอร์ยามาดะและฮัตโตริให้ความรู้เรื่องนินจามาพักใหญ่ ฉันจึงหันไปถามคุโนะอิจิและอาชิระบ้างว่า กว่าที่เขาทั้งสองจะเป็นนินจาได้ทุกวันนี้ต้องผ่านการฝึกฝนหนักขนาดไหน ซึ่งทั้งสองก็ตอบแบบเสียไม่ได้ว่า “ยากลำบากมากเลยครับ” อาชิระกล่าวพลางหัวเราะ “ผมเป็นพวกบ้านินจามาจากแอนิเมะและภาพยนตร์ เราอ่านการ์ตูนมาหลายเรื่อง ดูภาพยนตร์มาเป็นสิบ ทุกครั้งที่ดูก็รู้สึกชอบและตื่นเต้นมากจนคิดว่าตัวเองน่าจะเรียนวิชานินจาก็คงดี อาจารย์ฮัตโตริแนะนำพวกเราเยอะมาก ฝึกร่างกายหนักมาก”
คุโนะอิจิ คาโอริ
“ส่วนของฉันเริ่มอยากเป็นนินจาเพราะนักแสดงค่ะ ฉันได้รับบทนินจาสาวบ่อยมากจนรู้สึกว่านินจาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ก็เลยสมัครมาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ฮัตโตริ ช่วงแรกรู้สึกท้อมาก ฝึกหนักมาก แต่สุดท้ายก็รอดพ้นมาได้ อาจารย์ฮัตโตริเคยบอกว่านินจาคือความอดทน คือความไม่ย่อท้อ งานของสายลับต้องใช้ความเข็มแข็งทางจิตใจและทักษะเยอะมาก คิดถึงสายลับสมัยนี้สิคะ พวกเขามีอุปกรณ์พร้อม มีเทคโนโลยีช่วย แต่สมัยก่อนไม่มี ทุกส่วนในร่างกายจึงสำคัญ”
ถ้าเราต้องการเริ่มเป็นนินจา ต้องทำอย่างไร
เมื่อเราเอ่ยคำถามนี้ออกไป ฮัตโตริก็ตอบอย่างเร็วรี่ว่า “กำลังอยากได้คนมาฝึกพอดีเลย ผมอยากได้คนธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีฐานะอะไรมากมาย มีความเฉลียวฉลาด และที่สำคัญคือมีความตั้งใจจริง จริงๆ วิชานินจา ถ้าให้ดีต้องฝึกตั้งแต่เด็กครับ ไม่เกิน 10 ปี กำลังฝึกง่าย สอนได้ ถ้าเป็นผู้ใหญ่คงลำบากหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ฝึกกันไม่ได้เสียทีเดียว”
ศาสตร์แห่งนินจาในอีก 100 ปีข้างหน้า
“ผมไม่รู้เหมือนกันครับว่าอีก 100 ปีโลกจะหมุนไปทางใด ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากให้ศาสตร์นินจายังคงอยู่ ถึงไม่อยู่ในรูปแบบของวิชาชีพนินจาที่รับจ้างสืบข่าวเฉกเช่นสายลับ แต่ก็สามารถปรับเปลี่ยนมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ไม่มีใครอยากให้หายไปหรอกครับ คำว่า ‘นินจา’ มีความหมายลึกซึ้งมาก นินจาเป็นหนึ่งในตัวแทนของวัฒนธรรมญี่ปุ่น เป็นประวัติศาสตร์ เป็นรากเหง้า เป็นอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้ญี่ปุ่นเป็นอยู่ทุกวันนี้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มีลูกหลานสืบทอดต่อไป ไม่อยากให้ศาสตร์นี้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์”
บทสนทนาเกี่ยวกับวิถีของนินจาระหว่างเรากับด็อกเตอร์ยามาดะและนินจาทั้ง 3 ท่านยังคงยาวต่อเนื่องอีกหลายนาที มีทั้งคำถามคาใจอย่างอาหารที่นิยมรับประทานยามเป็นสายลับ เสื้อผ้าห่อหุ้มกาย ไปจนถึงคาถาต่างๆ อย่างในการ์ตูนเรื่องนารูโตะ เรารวบรวมมาเป็นประเด็นให้ด้านล่าง ส่วนใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์แบบนินจา วิชาล่องหนมีจริงไหม พวกวิชาลับหรือบ้านกลไกเป็นอย่างไร ทางเซ็นทรัลพัฒนาและบีอีซี-เทโร นำบ้านนินจามาให้ลองผจญภัยกันแล้วตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม ถึง 31 พฤษภาคม 2561 ณ เวสต์เกตฮอลล์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต
- ภารกิจหลักของนินจาคือการสืบข้อมูลลับและส่งต่อให้พรรคพวก ทำให้พวกเขาต้องฝึกเดินเบาและส่งข้อมูลอย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่งวิชาพื้นฐานการเดินมี 5 ทักษะให้เลือกใช้ตามสถานการณ์ ได้แก่ ชิโนบิ อาชิ (เท้าเบา), ยูกิ อาชิ (เท้าลอย), นินุบาชิริ (สุนัขวิ่ง), คิทสึเนะ บาชิริ (สุนัขจิ้งจอกวิ่ง), และชินโซ อูซากิ อารุกิ (กระต่ายเดินบนพื้นหญ้า)
- คุณสมบัติของนินจาที่ดีต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 60 กิโลกรัม จำเป็นต้องหลบซ่อนบนห้องใต้หลังคา ใต้พื้น พรางตัว และอื่นๆ อีกมากมาย การมีรูปร่างสูงใหญ่ทำให้การทำกิจกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องลำบาก วิธีการทดสอบง่ายๆ คือลองห้อยตัวลงจากเพดาน ถ้าเพดานไม่ถล่มลงมาถือเป็นอันใช้ได้ ทำให้ในบางพื้นที่มีการเรียกนินจาว่า ซาฮิโตะ หรือคนผอม
- เมื่อไม่ได้ปฏิบัติภารกิจ นินจาจะใช้ชีวิตอย่างชาวไร่ชาวนาเพื่อพรางตัวเพื่อไม่ให้ใครรู้ตัวตนที่แท้จริง ยามต้องเดินทางไกล พวกเขาจะเปลี่ยนตัวเองจากการเป็นคนธรรมดาหรือชาวนามาเป็นคนขายยาหรือนักบวช เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ เทคนิคการปลอมตัวนี้เรียกว่าชิชิโฮอูเดะแบ่งออกเป็น 6 อาชีพ ได้แก่ นักบวช พระ พระธุดงค์ พ่อค้า นักดนตรี และนักแสดง
- ชูริเค็น หรือดาวกระจาย เป็นอุปกรณ์ประจำตัวนินจา มีทั้งแบบแบนและกระบอก จำนวนแฉกตั้ง 4-8 แฉก แม้แฉกจะลึกไม่พอฆ่าใคร แต่ถ้าใส่ยาพิษเข้าไปก็ถึงตายได้ อย่างไรก็ตาม หากเดินไปมาโดยพกพาชูริเค็นไปด้วยอาจเป็นที่สงสัย ดังนั้นนินจาจึงมักพกที่หนีบหน้าและเข็มเย็บผ้าแทน
- นินจาไม่รับประทานเนื้อ ปลา นม และน้ำตาล จะเน้นที่ข้าวกับผัก และยังหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้มีกลิ่นตัวเมื่อต้องปฏิบัติภารกิจ ยามเดินทางพวกเขานิยมพก ‘ก้อนดับกระหาย’ ทำจากลูกพลับผสมกับเออร์กอตและน้ำตาลปั้นเป็นลูกบอล และ ‘ก้อนแก้หิว’ ทำจากแครอท แป้ง มันเทศ รากชะเอมเทศ และแป้งข้าวเจ้าที่หมักในสาเกกว่า 3 ปี เมื่อสาเกแห้งก็เอามาปั้นรวมกันเป็นก้อนพร้อมรับประทาน