หุ้นบริษัทแม่ของ Google อย่าง Alphabet ร่วงลงกว่า 7% ในวัน 25 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังบริษัทรายงานผลประกอบการและรายได้ในไตรมาส 3 ที่อ่อนแอเกินคาด ทั้งกล่าวว่า จะชะลอการจ้างงานจำนวนมากอีกด้วย
การเติบโตของรายได้ชะลอลงเหลือ 6% เมื่อเทียบกับการเติบโต 41% ของปีที่แล้ว นั่นเป็นเพราะว่าบริษัทต้องต่อสู้กับค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาออนไลน์ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดสำหรับการเติบโตนับตั้งแต่ปี 2013 อีกด้วย
โดยรายได้จากโฆษณาของ YouTube ลดลงประมาณ 2% เหลือ 7.07 พันล้านดอลลาร์ จาก 7.21 พันล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะโตขึ้น 3% และรายได้จากโฆษณาโดยรวมนั้นอยู่ที่ 5.448 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเล็กน้อย
ในช่วงไตรมาสดังกล่าว Google Cloud สร้างรายได้กว่า 6.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ โดยเพิ่มขึ้นจาก 5 พันล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เพิ่มเงินแต่สิทธิประโยชน์คงเดิม! สื่อต่างชาติรายงาน ผู้ใช้ YouTube Premium แบบครอบครัว จะต้องจ่ายเพิ่มอีกเดือนละ 191 บาท หรือ 25% ด้วยกัน
- “ต้องฉลาด ประหยัด ขี้เหนียว เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น” ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอ Google กล่าวกับพนักงาน ในช่วงที่ต้องลดต้นทุนและเผชิญความไม่พอใจของทีม
- เปิดศึกกับ TikTok ครั้งใหม่! YouTube จะแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งจาก Shorts ให้กับวิดีโอที่มีคนดูมากที่สุด หวังดึงดูดครีเอเตอร์มากขึ้น
ฟิลิปป์ สคินด์เลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจของ Google กล่าวว่า บริษัทพบว่าการใช้จ่ายโฆษณาบนเครือข่ายการค้นหาลดลงในบางแวดวง เช่น ประกันภัย สินเชื่อ การจำนอง และคริปโต
รายงานดังกล่าวถือเป็นการเริ่มต้นสัปดาห์เปิดเผยรายได้บริษัท IT ยักษ์ใหญ่ทั้งหลายที่ไม่ดีนักสำหรับนักลงทุนที่เน้นไปที่โฆษณาดิจิทัล โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Snap รายงานผลลัพธ์ที่น่าผิดหวัง และกล่าวว่าไม่สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากความผันผวนในการใช้จ่ายและความกังวลด้านเศรษฐกิจ โดยหุ้นของ Snap ร่วงลงกว่า 28% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา
และระหว่างการเปิดเผยรายได้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูงของ Alphabet ได้เปิดเผยถึงความท้าทายที่บริษัทต้องเจอ โดยซีอีโออย่าง ซันดาร์ พิชัย กล่าวในแถลงการณ์ว่า บริษัทกำลังปรับโฟกัสไปที่ชุดผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจนและการจัดลำดับความสำคัญธุรกิจ
ขณะที่หัวหน้าฝ่ายการเงินอย่าง รูธ ปอราต กล่าวว่า กำลังปรับทรัพยากรใหม่ เพื่อขับเคลื่อนลำดับความสำคัญในการเติบโตสูงสุดของบริษัท
พิชัยประกาศใช้มาตรการลดต้นทุนทั่วทั้งบริษัท โดยอ้างถึงความท้าทายทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และการใช้จ่ายโฆษณาที่น้อยลง ซึ่งรวมถึงภาวะถดถอยที่อาจเกิดขึ้น
และเขากล่าวว่า การเพิ่มจำนวนพนักงานในไตรมาส 4 จะต่ำกว่าไตรมาส 3 อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากบริษัทจะโฟกัสไปที่การควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้านการเติบโต โดย ณ ตอนนี้บริษัทมีพนักงานทั้งหมด 186,779 คน เพิ่มขึ้นจาก 150,028 คนในปีที่แล้ว
อ้างอิง: