‘กรุงศรี ฟินโนเวต’ ห่วงวงการสตาร์ทอัพไทยอาจไร้ ‘ยูนิคอร์น’ อีกต่อไป

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2565 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ได้เปิดตัว Krungsri Innovation x Chiang Mai ซึ่งเป็นฮับสายเทคโนโลยีการเงิน (FinTech) แห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ที่ก่อตั้งโดยสถาบันการเงินในไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นศูนย์รวมแหล่งความรู้และอัปเดตเทรนด์สำหรับคอมมูนิตี้สายเทคโนโลยี และเป็นพื้นที่สำหรับแสดงความสามารถและสร้างสรรค์ทางด้านการเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล

แซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงศรีได้เลือกเชียงใหม่เพื่อจะสร้างนวัตกรรมให้เกิดขึ้นที่นี่ หลังจากนี้จะเริ่มเห็นภาพใหม่ๆ ในด้าน Smart City เกิดขึ้นที่เชียงใหม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงของไทยอย่างหนึ่งคือ สตาร์ทอัพขนาดเล็กที่เติบโตขึ้นมาไม่ทัน และอาจจะทำให้ไทยไม่มียูนิคอร์นอีกแล้ว ซึ่งบริษัทแต่ละแห่ง มหาวิทยาลัย และสตาร์ทอัพ จำเป็นจะต้องทำงานร่วมกัน โดยสตาร์ทอัพเป็นเหมือน Jump Start ให้กับธุรกิจ มหาวิทยาลัยช่วยพัฒนาคน ขณะที่บริษัทให้เงินทุนเพื่อพัฒนาบุคลากรและทรัพยากร

“ปัญหาคือเราไม่มีโรงเรียนสตาร์ทอัพหรือ Incubator ที่ดี ทำให้เราไม่สามารถปั้นสตาร์ทอัพใหม่ๆ ที่มีคุณภาพเพียงพอ ขณะที่หน่วยงานรัฐพยายามช่วยเหลือด้านเงินทุนแต่ก็ยังไม่เพียงพอ”

อย่างไรก็ดี กรุงศรี ฟินโนเวต จะยังคงเดินหน้าใส่เงินลงทุนเพิ่มกับสตาร์ทอัพต่างๆ ที่ผ่านมาบริษัทใส่เงินลงทุนไปแล้ว 19 บริษัท ด้วยเงินลงทุนรวม 2.5 พันล้านบาท จากเงินลงทุนทั้งหมด 5 พันล้านบาท เงินลงทุนส่วนที่เหลือจะทยอยลงทุนภายใน 2 ปีนี้ นอกจากนี้ กรุงศรียังได้ทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพทั้งหมด 72 ราย รวมประมาณ 150 โครงการ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาในฐานะที่เป็นหนึ่งในธนาคารพาณิชย์ 2 แห่ง ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ได้รับเลือกจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้เป็นผู้ร่วมทดสอบการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางสำหรับการใช้งานภาคประชาชน (rCBDC) ล่าสุด ธนาคารมีแผนที่จะเริ่มทดสอบการใช้งาน rCBDC เป็นครั้งแรกในจังหวัดเชียงใหม่

สยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เราจะเริ่มเปิดดำเนินการทดสอบการใช้งานเงินบาทดิจิทัลที่เชียงใหม่เป็นแห่งแรก โดยจะเริ่มจากกลุ่มพนักงานของธนาคารก่อน และหากผลลัพธ์ออกมาดี มีความปลอดภัย ก็จะเริ่มขยายกลุ่มผู้ใช้งานต่อไป

สำหรับแผนการทดสอบ rCBDC ระยะนำร่อง แบ่งเป็น 2 ส่วนหลักคือ การทดสอบระดับพื้นฐาน (Foundation Track) เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบ รวมถึงรูปแบบของการนำเทคโนโลยีมาใช้งานจริงกับประชาชนรายย่อย เป็นการทดสอบใช้ชำระค่าสินค้าบริการในพื้นที่เฉพาะ และการทดสอบระดับนวัตกรรม (Innovation Track) เป็นการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ เช่น การชำระสินค้าแบบกำหนดเงื่อนไข (Programmable Payment)

นอกจากนี้ ธนาคารกรุงศรีได้เปิดตัว Krungsri Innovation x Chiang Mai ซึ่งเป็นฮับสายเทคโนโลยีการเงิน (FinTech) แห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ที่ก่อตั้งโดยสถาบันการเงินในไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นศูนย์รวมแหล่งความรู้และอัปเดตเทรนด์สำหรับคอมมูนิตี้สายเทคโนโลยี และเป็นพื้นที่สำหรับแสดงความสามารถและสร้างสรรค์ทางด้านการเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล

ด้าน สายสุนีย์ หาญประเทืองศิลป์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านนวัตกรรมดิจิทัลและข้อมูล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เป้าหมายของกรุงศรีคือการพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความปลอดภัย และการช่วยให้การใช้ชีวิตของลูกค้าง่ายยิ่งขึ้น สอดคล้องกับสโลแกน Make Life Simple ของบริษัท

ขณะเดียวกันบริษัทมีเป้าหมายที่จะทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพแต่ละแห่ง โดยไม่จำกัดแค่ในประเทศ เพื่อช่วยให้บริษัทพัฒนาไปสู่การเป็นธนาคารล่องหน (Invisible Banking) หรือการที่ธนาคารสามารถให้บริการโดยกลืนไปกับชีวิตประจำวันของลูกค้า

ในระยะยาว บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจออกไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งในปี 2567-2569 จะเริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้น

“กรุงศรีให้ความสำคัญกับการบูรณาการธุรกิจกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านดิจิทัล รวมถึงบุคลากรที่ทำงานด้านนี้ให้มีความสอดคล้องสมดุล เพื่อส่งมอบโซลูชันด้านการเงินที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าตั้งแต่ระดับบุคคลจนถึงองค์กรธุรกิจ โดยมี กรุงศรี นิมเบิล เป็นส่วนธุรกิจที่กรุงศรีแตกยอดออกมาเพื่อดูแลและพัฒนาธุรกิจสายฟินเทค”

นอกจากแผนการสนับสนุนสตาร์ทอัพท้องถิ่น เรายังมีแผนที่จะร่วมกับสถาบันการศึกษาเพื่อพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน และบุคลากรสายเทคร่วมกันในอนาคตอีกด้วย สำหรับ Krungsri Innovation x Chiang Mai ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสี่แยกสนามบินเชียงใหม่