การเชื่อมโยงร่วมทำโปรเจกต์พิเศษระหว่างโลกศิลปะกับวงการแฟชั่นยังคงเป็นสิ่งที่เราเห็นได้เห็นอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นงาน Miami Biennale ที่ไมอามี หรือการร่วมมือของแบรนด์ลักชัวรีระดับโลก เช่น Louis Vuitton กับเจฟฟ์ คูนส์ ในโปรเจกต์ Masters หรือราฟ ซิมงส์ กับสเตอร์ลิง รูบี สำหรับร้าน Calvin Klein ซึ่งการร่วมงานเหล่านี้ ทางแบรนด์จะนำไปใช้ต่อยอดภาพลักษณ์ให้ดูมีมิติมากขึ้น ส่วนตัวศิลปินเองก็จะเห็นผลงานเป็นที่รู้จักในกระแสหลักอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุค Visual Era ของอินสตาแกรมที่คนติดกันงอมแงม
ล่าสุดแบรนด์กระเป๋าสัญชาติเยอรมัน MCM ที่ก่อตั้งมา 42 ปี เพิ่งจับมือกับศิลปินดาวรุ่งจากเกาหลีใต้ วัย 35 ปี เอ็ดดี้ คัง ที่โดดเด่นเรื่องลวดลายสไตล์ Animamix มาร่วมสร้างสรรค์แคปซูลคอลเล็กชัน MCM x Eddie Kang พร้อมจัดนิทรรศการแสดงผลงานที่สยามพารากอนจนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้
ก่อนที่งานใหญ่จะเริ่ม THE STANDARD มีโอกาสได้พูดคุยและสัมภาษณ์ศิลปินหนุ่มคนนี้อย่างเป็นกันเอง ทั้งเรื่องราวชีวิต แรงบันดาลใจ มุมมองต่อโลกศิลปะ โลกออนไลน์ และการมาทำโปรเจกต์กับ MCM ที่ไม่ใช่แค่การโยนไฟล์ผลงานให้แบรนด์ไปสกรีนบนไอเท็มแล้วจบ แต่มีเรื่องมีราวที่น่าประทับใจในความทรงจำ
เอ็ดดี้ คัง เกิดและเติบโตที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ในครอบครัวที่คุณแม่เป็นศิลปินแนวแอ็บสแตรกต์ ซึ่งตัวเอ็ดดี้ก็ชอบไปใช้ชีวิตอยู่ที่สตูดิโอของคุณแม่ พร้อมวาดรูปเล่นบนกระดาษสไตล์ Doodle แบบขีดเส้นขยุกขยิก พอเข้าชั้นมัธยม เอ็ดดี้ก็พัฒนาตัวเองและเริ่มวาดภาพตัวละคร เช่น หุ่นยนต์และแมงกะพรุนที่กลายเป็นรากฐานของงานของเขาในทุกวันนี้ หลังจากนั้นเขาได้เข้าศึกษาปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัย Rhode Island School of Design สาขาแอนิเมชันศิลปะและภาพยนตร์ และได้เจอหนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญของเขา นั่นก็คือผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชันระดับตำนาน ฮายาโอะ มิยาซากิ ผู้อยู่เบื้องหลังหนังเรื่อง Spirited Away และก่อตั้ง Studio Ghibli
ผลงานของเอ็ดดี้
พอเรียนจบ เอ็ดดี้เริ่มทำงานเป็นอาร์ทิสต์เต็มตัว ทั้งจัดนิทรรศการผลงานตามเมืองต่างๆ ทั่วโลกทั้งเวนิสและโตเกียว บวกกับยังรับงานสายคอมเมอร์เชียลที่ไปร่วมงานกับสินค้าเชิงพาณิชย์ เช่น การไปจัดสรรพื้นที่ในห้างสรรพสินค้ากับเหล่าผลงานตัวละครของเขา
ในปี 2016 เขาก็ได้จัดนิทรรศการ Big City Life Loveless ณ แกลเลอรี Sandra Gering Inc. ในมหานครนิวยอร์ก จนไปเข้าตาหนึ่งในทีมงานของ MCM และทางแบรนด์ได้ติดต่อผ่านเอเจนซีของเขาให้มาร่วมงานด้วย
ตลอด 1 ปีกว่าที่เอ็ดดี้และ MCM ได้พัฒนาสินค้าด้วยกันก่อนจะผลิตและวางขาย ความท้าทายอยู่ตรงที่ต้องหาความสมดุลและจุดตรงกลางที่ลวดลายโลโก้ของแบรนด์ และผลงานของเอ็ดดี้ดูลงตัว ซึ่งเอ็ดดี้ก็ต้องขอให้ทางแบรนด์ส่งตัวอย่างสินค้ากระเป๋า พร้อมวัสดุหนังสีน้ำตาลสุดคลาสสิกของแบรนด์ชื่อ Visetos ให้มาลองศึกษาและทดลองอยู่เรื่อยๆ
ในคอลเล็กชัน MCM x Eddie Kang ก็มีหมวดสินค้าแอ็กเซสซอรีเป็นหลัก พร้อมกับมี Loveless ตัวละครสุนัขเป็นสัญลักษณ์เด่น ซึ่งตัวละครนี้มีความสำคัญมากต่อชีวิตเอ็ดดี้ เพราะในชีวิตจริงเขาเคยรับเลี้ยงสุนัขในปี 2003 ที่ชื่อ Loveless เหมือนกัน ซึ่งเจ้า Loveless เคยโดนทำร้ายและทอดทิ้งจากเจ้าของเก่ามาก่อน เอ็ดดี้เองยังเข้าใจว่าเจ้า Loveless จะอยู่ไม่ได้นาน เพราะมีโรครุมเร้า แต่ตอนหลังมันก็อยู่กับเอ็ดดี้ยาวนานถึง 4 ปี
คอลเล็กชัน MCM x Eddie Kang พร้อมตัวละครสุนัข Loveless
ทุกวันนี้เอ็ดดี้ยังคงปักหลักและมีสตูดิโออยู่ที่กรุงโซล โดยโปรเจกต์ในฝันของเขาคือการได้ทำผลงานศิลปะในที่สาธารณะ (Public Art) ที่คนสามารถไปสัมผัสจับต้องได้มากกว่าแค่ยืนชมและมีป้ายว่า Do Not Touch แขวนอยู่
พอถามเรื่องการต้องปรับตัวของอาร์ทิสต์ในยุคโซเชียลมีเดีย ซึ่งเปลี่ยนภูมิทัศน์วงการศิลปะไม่ใช่น้อย เอ็ดดี้ก็กล่าวว่าเขาเติบโตและเริ่มทำงานในช่วง Pre-Instagram แต่ทุกวันนี้ก็ต้องหัดใช้อินสตาแกรมให้มากขึ้นและให้ถูกวิธี โดยเฉพาะในยุคที่หนึ่งภาพสามารถถูกกระจายอย่างรวดเร็วแค่เพียงอัปโหลดขึ้นไป แต่เขาขอยังเน้นลงภาพผลงานตัวเองเป็นหลักมากไปกว่าพยายามสร้างตัวเองให้เป็นที่รู้จัก ส่วนในยุคที่เด็กศิลปะหันมาใช้คอมพิวเตอร์ในการรังสรรค์ผลงานมากขึ้น ในฐานะที่เอ็ดดี้เองก็เป็นครูสอนศิลปะด้วย เขาก็ยังเชื่อในคุณภาพและความรู้สึกที่ได้สัมผัสการทาสีจริงๆ
4 ชั่วโมงต่อมาเราก็ได้พบเอ็ดดี้อีกครั้งที่งานเปิดตัวคอลเล็กชันอย่างเป็นทางการ พร้อมดาราและเซเลบมากมาย แต่ก็ไม่เท่า นัมจูฮยอก นักแสดงและนายแบบชาวเกาหลีจากค่าย YG Entertainment ที่การปรากฏตัวเกือบทำห้างสยามพารากอนแตก ซึ่งเอ็ดดี้เองก็ทึ่งกับเหตุการณ์นี้ และบอกว่าไม่เคยเห็นอีเวนต์ที่เกี่ยวข้องกับงานตัวเองดูบ้าคลั่งขนาดนี้
หลังจากนี้คอลเล็กชัน MCM x Eddie Kang จะเริ่มวางขายทั่วโลก หลังจากเปิดตัวที่เกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ก่อนเป็นแห่งแรก ก่อนจะมาเปิดที่ประเทศไทยเป็นแห่งที่สอง ส่วนเดือนหน้าเอ็ดดี้ก็จะไปงานเปิดที่เยอรมนี ประเทศบ้านเกิดของแบรนด์ ซึ่งก็ต้องรอดูผลการตอบรับของตลาดอื่น และดูว่าคอลเล็กชันที่ 2 จะเกิดขึ้นไหม
นัมจูฮยอก ที่งานเปิดตัวคอลเล็กชัน MCM x Eddie Kang