ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ดิ่งลงกว่า 20% ในปีนี้ ทำให้ความมั่งคั่งของชาวอเมริกันหายไปกว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 342 ล้านล้านบาท อิงจากมูลค่าการถือครองหุ้นและกองทุนรวมที่ลดลงมาเหลือ 33 ล้านล้านดอลลาร์ ณ สิ้นไตรมาส 2 จากต้นปีที่เคยอยู่ระดับ 42 ล้านล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
หากรวมผลกระทบจากการลดลงของตลาดบอนด์เข้าไปด้วย ความมั่งคั่งของชาวอเมริกันในตลาดเงินตลาดทุนทั้งหมดน่าจะลดลงไปราว 9.5-10 ล้านล้านดอลลาร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- 9 หุ้น จ่ายเงินปันผลสูงมากกว่า 5% ตลอด 5 ปี แถมราคาตั้งแต่ต้นปียังบวก
- 10 หุ้น ขึ้น XD จ่ายเงินปันผลสูงสุดในรอบเดือน ก.ย. 65
นักเศรษฐศาสตร์หลายรายกล่าวว่า การลดลงของตลาดหุ้นอย่างหนึ่งจะเริ่มส่งกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงในไม่ช้า พร้อมสร้างแรงกดดันต่อการใช้จ่าย หนี้สิน และการลงทุนของแต่ละครัวเรือน
มาร์ก ซานดี ประธานทีมเศรษฐกิจ Moody’s Analytics กล่าวว่า การขาดทุนจากตลาดหุ้นอาจกดดันการเติบโตของ GDP เกือบ 0.2% ในปีหน้า
“ความมั่งคั่งที่ลดลงจากหุ้นอาจจะกดดันต่อการใช้จ่ายและการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้”
กลุ่มคนรวยเป็นกลุ่มที่เผชิญกับการขาดทุนหนักที่สุด จากการถือครองหุ้นปริมาณมาก โดยกลุ่มคนท็อป 10 ของสหรัฐฯ ขาดทุนรวมกันไปกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์จากตลาดหุ้นในปีนี้ คิดเป็นความมั่งคั่งที่หายไป 22% ขณะที่กลุ่มท็อป 1% ขาดทุนรวมกันกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่กลุ่มคน 50% ด้านล่าง ขาดทุนรวมกันประมาณ 7 หมื่นล้านดอลลาร์
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนภาพที่กลับด้านกันจากช่วงหลังวิกฤตโควิดที่ผ่านมา เพราะจากจุดต่ำสุดในช่วงปี 2020 ไปสู่จุดพีคของปี 2021 ความมั่งคั่งของชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จาก 22 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 42 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นนี้กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มท็อป 10% ถึง 89%
ด้วยผลขาดทุนที่ตกอยู่กับคนกลุ่มบนเป็นหลัก ทำให้ช่องว่างของความไม่เท่าเทียมด้านความมั่งคั่งลดลงเล็กน้อยในปีนี้ กลุ่มท็อป 1% เป็นเจ้าของความมั่งคั่ง 31% ของทั้งประเทศ ณ สิ้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ลดลงจาก 32.3% จากช่วงต้นปี ขณะที่ความมั่งคั่งของกลุ่มท็อป 10% ลดลงจาก 69% เป็น 68%
ทั้งนี้ การลดลงของความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นในปีนี้เป็นตัวเลขที่สูงกว่าช่วงวิกฤตโควิด ซึ่งความมั่งคั่งลดลงไป 6 ล้านล้านดอลลาร์ และการดิ่งลงของหุ้นในปีนี้นับเป็นมูลค่าหุ้นที่ลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
ซานดีกล่าวต่อว่า การขาดทุนจากตลาดหุ้นจะทำให้ชาวอเมริกันจับจ่ายใช้สอยลดลง 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีหน้า อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการลดลงครั้งนี้ต่ำกว่าในอดีตที่ผ่านมา เพราะเป็นการลดลงของมูลค่าส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP