วานนี้ (26 กันยายน) ที่อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (ดินแดง) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 21/2565 ในประเด็นสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากพายุโนรูในวันที่ 28-29 กันยายนนี้
ชัชชาติกล่าวว่า ปริมาณฝนสะสมในพื้นที่กรุงเทพฯ เดือนกันยายน มีปริมาณ 744.5 มิลลิเมตร (มม.) เฉลี่ยฝน 30 ปี 258 มม. มากกว่าค่าเฉลี่ย คิดเป็น 188.5% ภาพรวมจะเห็นได้ว่าสถานการณ์ลานีญาซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลกรุนแรงมากขึ้น แต่ถึงฝนจะเพิ่มมากขึ้น กทม. ก็สามารถบริหารจัดการได้ดีขึ้นด้วย
สำหรับพายุที่จะเข้ามา หากขยับมาล่างก็จะโดนกรุงเทพฯ ตนจึงได้สั่งให้สำนักการระบายน้ำจัดทำฉากทัศน์จำลองสถานการณ์ 2 รูปแบบ คือ รูปแบบของน้ำเหนือที่กำลังจะเข้ามา และรูปแบบระดับน้ำหนุนในแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งให้ทำแผนเตรียมรับทางด้านสถานการณ์กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก และแผนรองรับกรณีน้ำหนุนในแม่น้ำเจ้าพระยา
ชัชชาติกล่าวต่อไปว่า ตนได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำให้มากที่สุด และเสริมคันกั้นน้ำบริเวณจุดอ่อน ซึ่งขณะนี้ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อซื้อกระสอบทราย 2.5 ล้านกระสอบแล้ว และให้ชุมชนช่วยป้องกันตัวเองด้วยในเบื้องต้น ให้ชุมชนเป็นแนวร่วมป้องกันน้ำท่วม โดย กทม. สนับสนุนอุปกรณ์เพื่อช่วยบรรเทาความเสียหายในระดับหนึ่ง
ด้าน ขจิต ชัชวานิชย์ ปลัด กทม. กล่าวว่า ผู้ว่าฯ กทม. ได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารแบ่งพื้นที่ดูแล 6 กลุ่มเขต ภาพรวมขณะนี้สามารถขุดลอกคลองและจัดเก็บผักตบชวาได้ 100% รวมถึงการลอกท่อระบายน้ำ เรียงกระสอบทรายริมแม่น้ำเจ้าพระยา การตั้งวางเครื่องสูบน้ำ โดยร่วมกับหลายหน่วยงาน
รวมถึงเตรียมจุดพักฉุกเฉินไว้รองรับ ในส่วนของการเตรียมระบบป้องกันฝน แบ่งเป็นก่อนเกิดฝนตก จะแจ้งเตือนก่อน 2 ชั่วโมง เพื่อให้เขตเตรียมพร้อมและลงพื้นที่ตรวจตราความพร้อม และเมื่อเกิดเหตุฝนตก จะจัดเตรียมหน่วยช่วยเหลือประชาชน รถรับ-ส่ง ศูนย์ซ่อม รถลาก เพื่ออำนวยความสะดวกในเส้นทางต่างๆ และจัดเจ้าหน้าที่เก็บขยะหน้าตะแกรง ทั้งนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งได้ที่หมายเลข โทร. 199
ขณะที่ เอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. และโฆษกของ กทม. กล่าวว่า ขณะนี้ระบบ Traffy Fondue ได้เปิดระบบใหม่ เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการรายงานปัญหาน้ำท่วม และสามารถตรวจสอบพื้นที่น้ำท่วมได้ด้วย
ที่ผ่านมาจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่ต้องรายงานเพียงอย่างเดียว และเจ้าหน้าที่จะไม่รู้เท่ากับประชาชนในพื้นที่ ระบบจะเปิดให้อัปเดตสถานการณ์น้ำในสัปดาห์นี้ ประชาชนสามารถแจ้งได้ทั้งกรณีที่น้ำท่วมและลดลง จากนี้ไปประชาชนจะสามารถมีส่วนร่วมได้อย่างเต็มที่