หลังจากที่รองเท้าวิ่งสายทำความเร็วอย่าง METASPEED™ เปิดตัวในปี 2021 นับตั้งแต่นั้นชื่อของ METASPEED™ ก็ติดปากนักวิ่งที่กำลังมองหารองเท้าวิ่งสำหรับใช้ทำความเร็ว หรือใช้ในการแข่งขันสนามสำคัญ มาปีนี้ Asics ได้เปิดตัวรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่จากตระกูลนี้อีกครั้ง โดยที่ยังคง DNA ของแบรนด์รองเท้ากีฬาญี่ปุ่นระดับตำนานอย่าง Asics ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและเข้าใจคนเอเชีย
METASPEED™ + รุ่นนี้ยังคงปล่อยมา 2 ตัว รองรับ 2 รูปแบบสไตล์การวิ่งที่แตกต่างกัน ได้แก่ METASPEED™ SKY+ สำหรับนักวิ่งสายก้าวยาว หรือ Stride Runner และ METASPEED™ EDGE+ สำหรับสายที่เน้นรอบขาถี่ๆ หรือ Cadence สูงๆ เพื่อให้นักวิ่งไม่จำเป็นต้องปรับสไตล์การวิ่งให้เข้ากับรองเท้า แต่เป็นการใช้รองเท้าเป็นตัวช่วยในการดึงเอาศักยภาพที่มีอยู่ในตัวออกมา เพื่อให้วิ่งได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
ความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า
แม้หน้าตาจะต่างจากรุ่นก่อนหน้าเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าดูให้ลึกไปกว่านั้นก็จะพบว่า METASPEED™ + มีของใหม่และสิ่งที่เพิ่มเข้ามา เริ่มจากการเพิ่มโฟมซูเปอร์โฟมของ Asics อย่าง FF BLAST™ TURBO ให้ฟูหนาขึ้น และปรับการวางแผ่นคาร์บอนให้เหมาะกับการใช้งานมากขึ้น ตัวผ้า Engineered Mesh เปลี่ยนใหม่ให้นุ่มและยืดหยุ่นขึ้น ทำให้ใส่วิ่งนานๆ ไม่บาดเท้าหรือเสียดสีหน้าเท้า ส่วนเชือกรองเท้าก็ปรับดีไซน์ใหม่ให้สั้นลง และมาเป็นดีไซน์หยักที่ทำให้เชือกหลุดยากขึ้นด้วย
แต่เมื่อเราโฟกัสไปที่แต่ละรุ่น ตัว METASPEED™ SKY+ จะเพิ่มโฟมบริเวณหน้าเท้า 4 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตำแหน่งคาร์บอนก็วางใหม่ให้อยู่ลอยจากพื้นรองเท้ามากขึ้น ไม่ลึกติดพื้นเท่ารุ่นก่อนหน้า ช่วยเพิ่มแรงดีดเวลาที่เรากดเท้าลงไปเน้นๆ ทำให้ประหยัดพลังงานขณะวิ่ง
ส่วน METASPEED™ EDGE+ จะเห็นว่าพื้นรองเท้าสูงกว่าเดิมชัดเจน ไม่แบนติดพื้นเหมือนรุ่นก่อน แต่ยังคงดีไซน์หน้าเชิดที่ใส่แล้วจะเป็นการบังคับเรากลายๆ ให้พร้อมไหลไปด้านหน้า ในขณะที่แผ่นคาร์บอนวางติดพื้นมากขึ้น ถือเป็นการปรับที่ทำให้ใส่แล้ววิ่งนุ่มขึ้น กลิ้งเท้าสนุกขึ้น ไม่แข็งกระด้าง
ทั้งสองรุ่นมาพร้อมโฟม FF BLAST™ TURBO ที่มากขึ้น และเปลี่ยนจุดวางแผ่นคาร์บอน
ด้านในและด้านนอกสกรีนชื่อรุ่นชัดเจน
หน้าผ้า Engineered Mesh รุ่นนี้นุ่มขึ้น เชือกสั้นลงและเป็นดีไซน์หยัก
รีวิวความรู้สึกหลังใส่
สำหรับการรีวิว เราจะเน้นไปที่ตัว METASPEED™ SKY+ หลังจากที่ได้ใส่รุ่นแรกพักใหญ่ เราสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่พอเพิ่มโฟมเข้ามาก็วิ่งนุ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังเป็นซูเปอร์ชูส์ที่แน่น ไม่ยวบ แรงดีดสูง ส่วนแผ่นคาร์บอนที่เปลี่ยนตำแหน่ง จะดีมากถ้าเราลงน้ำหนักบริเวณหน้าเท้าพอดี อีกจุดที่ชอบ ได้แก่ หน้าผ้าที่ปรับให้นุ่มขึ้น บวกกับน้ำหนักของรองเท้าที่ค่อนข้างเบา ทำให้เวลาใส่วิ่งนานๆ แล้วสบายเท้า ผ้าไม่เบียดหรือเสียดสีหน้าเท้า ใส่วิ่งยาวๆ แล้วแทบไม่มีปัญหาเลย
ข้อเสียน่าจะติดตรงราคาที่ค่อนข้างสูง เพราะทั้งสองรุ่นอยู่ที่ 8,500 บาท และไซส์รองเท้าที่รุ่นนี้ต้องบวกไซส์ ดังนั้น ใครจะกดสั่งออนไลน์อาจต้องไปลองกันก่อน รวมถึงไซส์ยอดนิยมค่อนข้างหมดไว ไม่ทันไรก็ Sold Out แล้ว
ใครสนใจแนะนำให้ไปลองสวมใส่จริงที่ Asics.com และ Asics Store สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ / เซ็นทรัล ลาดพร้าว / เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า แต่ต้องรีบหน่อยเพราะของเขาหมดเร็วจริงๆ