‘เมืองพัทยา’ ด้วยความเป็นเมืองที่ตั้งวางบนภูมิศาสตร์เลียบชาดหาด จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ทั้งยังเป็นแหล่งดึงดูดนักลงทุนที่แสวงผลกำไรจากธุรกิจการท่องเที่ยว จนปรากฏเป็นธุรกิจหลายรูปแบบ ทั้งที่พักอาศัย ร้านอาหาร สถานบันเทิง ฯลฯ สำหรับบริการนักท่องเที่ยวอย่างครบวงจร สภาพเศรษฐกิจของเมืองพัทยาจึงขึ้นอยู่กับรายได้ที่มาจากธุรกิจการท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่
‘สวรรค์ของการพักผ่อน’ จึงเป็นภาพที่พัทยาถูกนำเสนออย่างพยายามเพื่อมุ่งหวังดึงดูดนักท่องเที่ยว นักลงทุน และขณะเดียวกันก็กลายเป็นพื้นที่ดึงดูดแรงงานด้วยเช่นกัน การหลั่งไหลเข้ามาหางานทำของแรงงานต่างจังหวัดที่มีความหลากหลายของเพศภาวะจึงเกิดขึ้นอย่างเป็นพลวัต การเข้ามาของกะเทยในเมืองพัทยาดูจะไม่ใช่เรื่องที่ใหม่ของสายตานักท่องเที่ยว
พัทยาถูกนำเสนอผ่านแนวทางของการพัฒนาการท่องเที่ยวว่าเป็นสวรรค์ของความบันเทิงและเป็นเมืองตากอากาศ เมืองพัทยาได้กลายเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมต่างๆ ของกะเทย-สาวประเภทสองในประเทศไทยมากว่า 3 ทศวรรษแล้ว
เป็นสถานที่ที่กะเทย-สาวประเภทสองเข้ามาทำงานเป็นบริกรหญิง พนักงานต้อนรับในร้านอาหารต่างๆ เป็นแม่ครัว และช่างทำผม ในขณะที่อีกจำนวนหนึ่งก็ทำงานด้านบริการทางเพศ เป็นนางแบบ นักแสดง หรือนักเต้น เพื่อหารายได้มาเลี้ยงชีพ เพื่อหาเงินเก็บไว้สำหรับผ่าตัดแปลงเพศหรือทำศัลยกรรมเสริมความงาม และเลี้ยงดูครอบครัว
ฉายภาพชีวิตวิถีทางเพศของกะเทยบางแง่มุม แม้จะรอบด้านก็สะท้อนความเป็นจริง ทั้งค่านิยมความงาม รูปลักษณ์ การสร้างสรีระใหม่ผ่านการศัลยกรรมตกแต่งเพื่อการข้ามเพศ และการดิ้นรนไปสู่ความมุ่งหวังของกะเทยในเมืองพัทยาที่จำเป็นต้องใช้ทุนจำนวนมากเพื่อพัฒนาอัตลักษณ์กะเทย
เมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีสถานบริการ-สถานบันเทิงอยู่หลายแห่ง จึงเอื้อต่อการประกอบอาชีพในลักษณะงานบริการตามสถานบันเทิง และบางส่วนในนั้นมีงานบริการทางเพศแทรกสอดอยู่ เพื่อให้ได้มาซึ่งทุนอันตอบสนองต่อความต้องการของตน
ภาพของเมืองแห่งอุตสาหกรรมเพศพาณิชย์ผนวกรวมกับการท่องเที่ยวแบบทุนนิยมจะปรากฏอย่างชัดแจ้งในยามค่ำคืนของเมืองพัทยา
มากไปกว่านั้นก็ยังพบว่าสถานะความเป็นกะเทยในฐานะที่เป็นคนชายขอบของสังคมมีปัญหาเรื่องการตีตราและการถูกเลือกปฏิบัติ (Stigma and Discrimination) เป็นปัญหาหลักของกะเทย และส่งผลกระทบต่อเรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะการจ้างงานในอาชีพอื่น
การที่พัทยาเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวมาใช้เป็นที่พักผ่อน การนำเสนอภาพของการเป็นเมืองท่องเที่ยวนี้เองที่ทำให้มีผู้คนอพยพเข้ามาตอบสนองอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนี้ หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือประชากรที่เป็นกะเทย และจนมาถึงภาพของเมืองท่องเที่ยวที่ตอบรับกับแนวคิดทุนนิยมที่เรื่องเพศก็สามารถจะหาซื้อแลกเปลี่ยนกันได้ด้วยเงินตราหรือสิ่งของ
พัทยาจึงเป็นพื้นที่เปิดของผู้ที่เลือกมาหาก้อนเงินเหล่านั้นด้วยการเป็นพนักงานบริการ (Sex Worker) ดังนั้นกะเทย-สาวประเภทสองที่ประกอบอาชีพงานด้านบริการ โดยเฉพาะบริการทางเพศในพัทยานี้จะมีภาวะเปราะบางสูงต่อการรับเชื้อเอชไอวี เอดส์ รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากพฤติกรรมที่ไม่ป้องกัน และด้วยการประกอบอาชีพเชิงเพศพาณิชย์อันผิดกฎหมายในประเทศไทย
การเข้าถึงของบริการทางด้านสาธารณสุขจึงเป็นเรื่องยุ่งยาก รวมทั้งความกลัวจากการถูกเลือกปฏิบัติในอาชีพ ความกล้าที่จะเข้าถึงบริการสาธารณสุขจึงเป็นเรื่องที่ยากเกินปรากฏจนที่สุดก็กลายเป็นความชินชาภายใต้ความเปราะบาง ในขณะเดียวกัน อัตราความชุกของเชื้อเอชไอวีข้างต้นก็ทำให้เกิดการตื่นตัวจากผู้คนและสังคมภายนอกที่มาพร้อมกับการตีตราอาชีพพนักงานบริการและอคติทางเพศ
กะเทยจำนวนมากเข้าไม่ถึงระบบการศึกษา ส่งผลให้ไม่มีวุฒิการศึกษา และนำไปสู่การไม่มีงานทำ จึงทำให้เกิดการเป็นคนชายขอบ (Marginalization) ทั้งในระบบสังคมและระบบเศรษฐกิจ (Social and Economic Marginalization) ระบบการสนับสนุนโดยกฎหมายในเอเชียและแปซิฟิกนั้นก็ไม่มีกฎหมายสำหรับปกป้องหรือคุ้มครองกะเทย จึงทำให้กะเทยตกอยู่ในภาวะการคุกคามจากการเอารัดเอาเปรียบโดยที่ไม่มีกฎหมายคุ้มครองตั้งแต่การรับรองเพศ (Gender Recognition) ไปจนถึงสวัสดิการต่างๆ
ซึ่งหากเปรียบการมีชีวิตอยู่ของกะเทยในพัทยาก็เห็นได้ว่าอิทธิพลทางสังคมมีผลต่อการรูปแบบการใช้ชีวิตของกะเทย และไม่ว่ากะเทยจะอยู่ในพื้นที่ใด ในประเทศใด ก็เผชิญปัญหาเรื่องการเลือกปฏิบัติในแบบเดียวกัน หรือเผชิญเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกัน อิทธิพลทางวัฒนธรรมก็ส่งผลให้เกิดการเกลียดชังต่อบุคคลที่เป็นกะเทยและทำให้สังคมมองข้ามความเป็นมนุษย์ไป และละเลยที่จะปรับ ยอมรับ เข้าใจในความเป็นกะเทยกับบริบทของสังคม