ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ราคา หุ้นเดลต้า ของ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA กลับมาอยู่ในความสนใจของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง ด้วยราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นมากว่า 100% จาก 318 บาท มาแตะจุดสูงสุดที่ 694 บาท ในวันนี้ (12 กันยายน) ก่อนที่จะมีแรงขายออกมาในท้ายตลาดจนมาปิดที่ระดับ 664 บาท ลดลงจากวันก่อนหน้า 4 บาท หรือ 0.60% มูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 2,809 ล้านบาท
เมื่อ DELTA กลับมาสู่ระดับ 600 บาท ก็ยิ่งทำให้น้ำหนักต่อดัชนีหุ้นไทยกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีก และทำให้เกิดคำถามตามมาว่าหุ้น DELTA จะกลับมาสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดหุ้นไทยอีกครั้งหรือไม่
บทความที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- อัปเดต 7 หุ้น พอร์ต เซียนฮง สถาพร งามเรืองพงศ์ มูลค่า 6.14 พันล้านบาท
- ส่องพอร์ตหุ้น เสี่ยปู่ สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล มูลค่า 3,257 ล้านบาท พบถือ 2 หลักทรัพย์ร่วมกับ ‘เซียนฮง’
“ช่วงเดือนสิงหาคม หุ้น DELTA วิ่งขึ้นมาเพราะงบไตรมาส 2 ที่ออกมาดีกว่าคาดอย่างมาก ทำให้นักวิเคราะห์ปรับคาดการณ์กำไรและราคาเป้าหมายขึ้น แต่ราคาตอนนั้นก็ยังพอจะมีช่องว่างจากราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 520 บาท” ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าว
“แต่หลังจากนั้นราคาวิ่งขึ้นต่อเพราะเรื่องการเปิดเฮียริ่งเกี่ยวกับการปรับเกณฑ์เพื่อเลือกหุ้นเข้าคำนวณในดัชนี SET50 และ SET100 ทำให้เกิดแรงเก็งกำไรเข้ามา ซึ่งรอบหลังนี้เราไม่ได้ให้น้ำหนักในเรื่องของพื้นฐานแม้แต่น้อย”
หาก DELTA จะกลับเข้าสู่ SET50 และ SET100 กองทุนที่ล้อไปกับดัชนีต้องนำเงินกลับเข้ามาลงทุนอีกจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยในรอบนี้อาจจะไม่เหมือนกับช่วงที่หุ้น DELTA วิ่งขึ้นก่อนหน้านี้ เพราะปัจจุบัน DELTA ยังไม่ได้อยู่ใน SET จึงไม่กระทบต่อตราสารอนุพันธ์
เรายังไม่เข้าใจนักเกี่ยวกับเหตุผลของการเฮียริ่งเพื่อปรับเกณฑ์ Turnover Ratio ลงมา เพราะเดิมทีตลาดหลักทรัพย์กำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 5% แต่ก็ไม่เคยใช้ตัวเลขนี้จริงๆ เพราะถ้าใช้ตัวเลข 5% จะทำให้มีหุ้นไม่ถึง 100 ตัวที่ผ่านเกณฑ์ ซึ่งตลาดก็มีเกณฑ์ที่ยืดหยุ่นอยู่แล้วว่าสามารถปรับ Turnover Ratio ขั้นต่ำลงได้ครั้งละ 0.5%
“สุดท้ายตัวเลขขั้นต่ำจะไปอยู่ประมาณ 2.5-3% โดยตลอด แต่ครั้งนี้ตลาดจะปรับตัวเลขลงไปเริ่มที่ 2% ซึ่งทำให้หุ้น DELTA มีโอกาสจะกลับมาเข้าคำนวณใน SET50 หากตลาดปรับเกณฑ์จริง”
อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ยังมีเกณฑ์คัดเลือกในเรื่องของคุณภาพคือ หากหุ้นตัวใดถูกนำเข้า Trading Alert จะทำให้ข้อมูลของหุ้นในช่วงเวลานั้นไม่ถูกนำมาคำนวณ หาก DELTA เกิดเข้าเกณฑ์ Trading Alert ก็จะเป็นการลดโอกาสที่จะถูกนำเข้าคำนวณใน SET50
“ระยะสั้นตลาดอาจเก็งกำไรหุ้น DELTA ขึ้นไปต่อ หากใครต้องการเก็งกำไรต้องติดตามเรื่องของ Trading Alert ส่วนใครที่ต้องการลงทุน ควรจะตัดหุ้น DELTA ออก เพราะความไม่แน่นอนสูงมาก และหันไปหาหุ้นที่ค่อนข้างจะแน่นอนว่าน่าจะถูกนำเข้าคำนวณใน SET50 อย่าง RATCH และ COM7”
ด้าน ศุภชัย วัฒนวิเทศกุล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่าภาพรวมของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จะเริ่มกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง อาจต้องรออีก 1-2 ไตรมาส เนื่องจากความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อสูงและความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น โทรศัพท์ รถยนต์ คอมพิวเตอร์ อาจจะแย่ลง
อย่างไรก็ดี DELTA กลับเป็นหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ดีอยู่เพียงไม่กี่กลุ่มคือ Data Center และยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งยังคงมีความต้องการจากองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่
ครึ่งปีหลังมีโอกาสที่กำไรของ DELTA จะเซอร์ไพรส์ตลาด แต่ขณะเดียวกัน Valuation ของ DELTA ก็พุ่งสูงเกินไป DELTA เป็นหุ้นไม่กี่ตัวที่กำไรเติบโตได้จริง ทำให้เกิดการรุมซื้อ รวมทั้งแรงเก็งกำไรจากการที่ DELTA อาจกลับเข้าคำนวณใน SET50
“ปัจจัยพื้นฐานของ DELTA ดีจริง แต่อาจจะดีได้ไม่เท่ากับราคาที่ขึ้นมา เพราะมีเรื่องของ Fund Flow เข้ามาหนุน ทำให้ ณ ระดับราคานี้เราจึงแนะนำขาย”
หลังจากนี้ DELTA อาจทำให้ดัชนีหุ้นไทยขึ้นหรือลงได้รุนแรงอีกครั้ง แต่เชื่อว่าจะไม่รุนแรงเท่ากับรอบก่อนหน้านี้ ส่วนหนึ่งเพราะนักลงทุนมีประสบการณ์มากขึ้น นักลงทุนสถาบันรู้ว่าจะต้องทำอะไร และมีกลยุทธ์ในการรับมือได้ดีขึ้น
สำหรับผลประกอบการของ DELTA ช่วง 6 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 7.04 พันล้านบาท ขณะที่ปี 2563 และ 2564 มีกำไรสุทธิ 7.10 พันล้านบาท และ 6.69 พันล้านบาท ตามลำดับ ส่วนอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ของ DELTA ปัจจุบันลดลงจาก 83 เท่า มาอยู่ที่ 80 เท่า
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP