ในสัปดาห์นี้เราได้เห็นข่าวเศร้าชนิดรายวัน หลังหลายประเทศทั่วโลกเผชิญกับภัยทางธรรมชาติอย่างหนักหน่วง ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นก็มีสาเหตุมาจากภาวะโลกรวนที่ทำให้เกิดสภาพอากาศรุนแรงหนักขึ้นและถี่ขึ้น
เริ่มต้นจากปากีสถานที่สถานการณ์น้ำท่วมยังคงลากยาวมาจนถึงตอนนี้ โดยล่าสุดนั้นมีความเสี่ยงที่น้ำในทะเลสาบใหญ่ที่สุดของประเทศจะล้นทะลักออกมา ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์น้ำท่วมในหลายเมืองเลวร้ายลงไปกว่าเดิม แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามเร่งระบายน้ำในทะเลสาบแล้ว แต่ระดับน้ำยังคงสูงมากจนน่ากังวล จนตอนนี้ทีมกู้ภัยได้เร่งอพยพประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว
นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงวานนี้ (6 กันยายน) มีผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมแล้วถึง 1,325 คน โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นเด็กกว่า 466 คน และคาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มสูงขึ้นอีก ขณะตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่กว่า 12,000 คน ส่วนบ้านเรือนได้รับความเสียหายถึง 1.6 ล้านหลัง สำหรับการประเมินความเสียหายเบื้องต้นนั้นอยู่ที่ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 3.6 แสนล้านบาท
ด้านอินเดียก็กำลังเผชิญกับเหตุน้ำท่วมในเมืองบังกาลอร์ ศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีแห่งสำคัญที่เปรียบเหมือนกับซิลิคอนแวลลีย์ของอินเดีย โดยฝนที่ตกหนัก 28.1 มิลลิเมตร หรือมากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 368% ตั้งแต่ช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (4 กันยายน) ทำให้เกิดน้ำท่วมหนัก ขณะมีต้นไม้หักโค่นเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้การจราจรในพื้นเป็นอัมพาต รถหลายคันจมเสียหายอยู่ใต้น้ำขัง หลายบริษัทต้องขอให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน ซึ่งส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะกระทบกับภาคอุตสาหกรรมสำคัญ ขณะตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 1 ราย โดยกรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่าคาดว่าจะมีฝนตกในบังกาลอร์จนถึงวันศุกร์นี้ (9 กันยายน)
ชาด ประเทศในแอฟริกากลาง ก็กำลังต่อสู้กับเหตุน้ำท่วมใหญ่เช่นกัน หลังเจอกับฝนตกหนักสุดในรอบกว่า 30 ปีตั้งแต่ช่วงเดือนกลางเดือนมิถุนายน ส่งผลให้กรุงเอ็นจาเมนาซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศจมอยู่ใต้บาดาล หลายพื้นที่น้ำท่วมขังสูงมากจนกลายเป็นว่าตอนนี้ต้องใช้เรือในการเดินทางเท่านั้น ขณะประชาชนนับพันคนต้องอพยพย้ายไปอาศัยในสถานพักพิงชั่วคราว เนื่องจากบ้านถูกน้ำท่วมพังเสียหาย โดยมีประชาชนกว่า 442,000 คนที่ได้รับผลกระทบ ส่วนผู้เสียชีวิตจากฝนที่ตกหนักตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 22 ราย
เกาหลีใต้ก็เพิ่งเผชิญกับไต้ฝุ่นหินหนามหน่อเมื่อช่วงคืนวันที่ 5 กันยายน โดยมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงสูง ทำให้ทางการต้องอพยพประชาชนหลายพันคนจากพื้นที่เสี่ยงภัย และถึงแม้พายุจะเคลื่อนตัวออกไปแล้วในวันที่ 6 กันยายน แต่ไต้ฝุ่นลูกนี้ได้ทิ้งความเสียหายไว้อย่างมาก อิทธิพลพายุส่งผลให้เกิดฝนตกและน้ำท่วมหนัก เกิดเหตุดินถล่ม อีกทั้งยังมีไฟฟ้าดับหลายจุด รวมถึงเกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดกระหน่ำชายฝั่ง จนทำให้ถนนและร้านค้าได้รับความเสียหาย เรือโดยสารใน 50 เส้นทางต้องยกเลิกให้บริการ เช่นเดียวกับเที่ยวบินกว่า 250 เที่ยวใน 12 สนามบินทั่วประเทศที่ยกเลิกให้บริการ ขณะที่ขบวนรถไฟโดยสาร 354 เส้นทางต้องระงับหรือเลื่อนให้บริการ โดยยอดผู้เสียชีวิตขณะนี้อยู่ที่อย่างน้อย 10 ราย และสูญหาย 2 ราย ขณะที่ประธานาธิบดียุนซอกยอลเตรียมเสนองบประมาณ 6.1 ล้านล้านวอนสำหรับปีงบฯ 2023 เพื่อนำมารับมือกับภัยทางธรรมชาติที่มีแนวโน้มเกิดถี่ขึ้นจากปัญหาโลกรวน หลังจากที่เมื่อเดือนสิงหาคม เกาหลีใต้ก็เพิ่งเผชิญกับเหตุน้ำท่วมใหญ่ในกรุงโซล ซึ่งเป็นผลพวงจากภาวะโลกรวนที่ทำให้ฝนตกหนักผิดปกติ
ปิดท้ายด้วยจีนที่เพิ่งเจอกับเหตุแผ่นดินไหวไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันจันทร์ (5 กันยายน) โดยมณฑลเสฉวนเผชิญกับแผ่นดินไหวแมกนิจูด 6.8 รุนแรงสุดนับตั้งแต่ปี 2017 ตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อกอีกหลายครั้ง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 74 คน บาดเจ็บ 259 คน และมีผู้สูญหายอีก 26 คน ขณะบ้านเรือนและอาคารพังเสียหายหลายหลัง เกิดไฟดับในหลายพื้นที่
ภาพประกอบ: กริน วสุรัฐกร
อ้างอิง:
- https://www.reuters.com/world/india/water-recedes-parts-indias-bengaluru-residents-venture-out-2022-09-07/
- https://www.bbc.com/news/world-asia-62764224
- https://edition.cnn.com/2022/09/05/asia/pakistan-floods-lake-manchar-intl-hnk/index.html
- https://www.reuters.com/world/china/china-clears-roads-earthquake-epicentre-death-toll-rises-72-2022-09-07/
- https://news.un.org/en/story/2022/08/1125562