อัตราผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี เช่นเดียวกับพันธบัตรรัฐบาลประเทศอื่นๆ ในเอเชียก็ถูกเทขายเช่นกัน หลังธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึง Fed ส่งสัญญาณว่าจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าเงินเฟ้อจะกลับเข้าเป้าหมาย
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2007 หลัง เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กล่าวในการประชุมแจ็กสันโฮลว่า จุดยืนการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมีแนวโน้มจะดำเนินต่อไปจนถึงเวลาใดเวลาหนึ่ง
นอกจากนี้ยังชี้ว่า บันทึกทางประวัติศาสตร์ยังเตือนเราอย่างหนักแน่นว่าไม่ควรผ่อนคลายนโยบายการเงินก่อนเวลาอันควร สอดคล้องกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ระบุว่า มีความจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจของยุโรปจะเข้าสู่ภาวะถดถอยก็ตาม
แอนดรูว์ ไทซ์เฮิร์สต์ นักกลยุทธ์จาก Nomura Holdings ในซิดนีย์ กล่าวว่า แม้ว่าจะมีความคาดหวังว่าพาวเวลล์จะใช้นโยบายทางการเงินแบบตึงตัว (Hawkish) แต่ในวันศุกร์ที่ผ่านมาพาวเวลล์กลับแสดงท่าทีมากกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจที่ตลาดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่เคลื่อนไหวมากขึ้นในคืนวันศุกร์ (26 สิงหาคม) ทำให้เรารักษามุมมองสำหรับเส้นผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไว้คงที่ หลังการสื่อสารของ Fed ในการประชุมแจ็กสัน โฮล ในช่วงสุดสัปดาห์
ทั้งนี้ การเทขายพันธบัตรรัฐบาลครั้งล่าสุดนี้ได้ลบล้างการเข้าซื้อในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนมองว่า ผู้กำหนดนโยบายจะชะลอการดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
พันธบัตรรัฐบาลประเทศอื่นในเอเชียก็ถูกเทขายเช่นกัน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.14% อยู่ที่ 3.72% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้น 0.1% อยู่ที่ 3.98%
ความเป็นผู้นำของ Fed ในการดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัว (Hawkish Policy) ยังส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน โดย Bloomberg Dollar Spot Index พุ่งขึ้น 0.5% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนกรกฎาคม ท่ามกลางความคาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะแตะ 3.82% จาก 3.68% ในสัปดาห์ที่แล้ว
สตีเฟน มิลเลอร์ ที่ปรึกษาด้านการลงทุนจาก GSFM มองว่า อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะสูงกว่ายุโรปและสหราชอาณาจักร เพราะทั้งสองประเทศนี้ต้องเผชิญกับความผิดปกติทางเศรษฐกิจ (Economic Dysfunction) ทำให้ธนาคารกลางเผชิญกับความยุ่งยากในการขึ้นดอกเบี้ยให้เร็วและแรงเช่นเดียวกับ Fed
โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากถึง 0.08% อยู่ที่ 3.48% ขณะที่ผลตอบแทนในพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกันอยู่ที่ 3.13% ทำให้การผกผันของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 2 ปี และ 10 ปี (The inversion of the yield curve) อยู่ที่ 0.36% ยังคงต่ำกว่าจุดสูงสุดที่ 0.58% เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
พาวเวลล์และเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากธนาคารกลางประเทศอื่นๆ ได้ส่งข้อความที่ชัดเจนหลังจบการประชุมแจ็กสันโฮลว่า พวกเขาพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลง แม้ว่าจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจก็ตาม
หลายฝ่ายพากันจับตารายงานตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ รวมถึงรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคฉบับต่อไปในวันที่ 13 กันยายนนี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในข้อมูลที่สำคัญที่สุดสำหรับ Fed และพันธบัตรทั่วโลก
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP