ตลาด หุ้นเอเชีย ที่เปิดทำการในวันนี้ (29 สิงหาคม) ต่างเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการปรับตัวลดลง หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ออกมาส่งสัญญาณว่าจะยังคงแนวนโยบายการเงินแบบเข้มงวด ผ่านการประชุม Jackson Hole เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 สิงหาคม)
แน่นอนว่าค่าเงินแต่ละสกุลในเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นของแต่ละประเทศ ต่างปรับตัวลดลงทันที แต่ยิ่งไปกว่านั้นตลาดหุ้นเอเชียอาจเผชิญความเสี่ยงที่กระแสเงินลงทุนจะไหลออกในระยะยาว
ก่อนหน้านี้ กระแสเงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้นทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย แต่การที่ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ออกมาส่งสัญญาณล่าสุด ทำให้นักลงทุนบางส่วนผิดหวัง
Manish Bhargava ผู้จัดการกองทุนของ Straits Investment Holdings ในสิงคโปร์ กล่าวว่า ชัดเจนว่าเป้าหมายแรกของ Fed คือการต่อสู้กับเงินเฟ้อ และพยายามที่จะทำให้ได้ ดังนั้น กระแสเงินทุนที่ไหลเข้ามาก่อนหน้านี้ก็มีแนวโน้มจะเริ่มกลับทิศ
“เงินทุนไหลเข้าก่อนหน้านี้เพราะผู้คนคาดหวังว่า Fed จะเริ่มมีท่าทีอ่อนลง” Grace Tam หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุนของ BNP Paribas Wealth Management ในฮ่องกง กล่าว “แต่ขณะนี้ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่เกิดขึ้น ตามมาด้วยการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ เราอาจเห็นเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่”
ด้าน Sean Callow นักวิเคราะห์ค่าเงินอาวุโสของ Westpac Banking Corp. กล่าวว่า อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างดอลลาร์สหรัฐกับเยนญี่ปุ่น เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดจากท่าทีของ Fed ด้วยการที่ค่าเงินเยนอ่อนค่ากลับมาใกล้กับ 140 เยนต่อดอลลาร์อีกครั้ง
อัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันจะยังคงกดดันเงินเยน ทำให้เราจะได้เห็นเงินเยนไปแตะระดับ 140 เยนต่อดอลลาร์ การอ่อนค่าของเงินเยนมักจะเป็นบวกต่อหุ้นญี่ปุ่น แต่สำหรับต่างชาติแล้วจำเป็นจะต้องทำการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินเมื่อจะเข้าซื้อหุ้น ซึ่งปัญหาคือต้นทุนในการทำป้องกันความเสี่ยงนั้นค่อนข้างสูง
ในมุมของ Gary Dugan ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Global CIO Office ในสิงคโปร์ มองว่า การรีบเข้าลงทุนในหุ้นเอเชียอาจเป็นสิ่งที่ไม่ดีนัก หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่งลงหนักในระยะสั้นแล้ว โมเดลทางด้าน Quant ของเราได้ส่งสัญญาณขายหุ้นในระยะสั้น
ขณะที่ Divya Devesh หัวหน้าฝ่ายวิจัยอัตราแลกเปลี่ยนในอาเซียนและเอเชียใต้ของ Standard Chartered Bank ในสิงคโปร์ กล่าวว่า อัตราแลกเปลี่ยนในเอเชียมีแนวโน้มจะเผชิญกับการอ่อนค่าต่อไป
“ความเสี่ยงในเรื่องการอ่อนค่าของสินทรัพย์ทั่วโลกมีโอกาสจะกระทบมาถึงสกุลเงินในเอเชีย ขณะที่ตลาดจะจับตาว่าธนาคารกลางจีนจะยังคงปล่อยให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าต่อไปหรือจะพยายามทำให้ค่าเงินกลับมาแข็งอีกครั้ง”
อย่างไรก็ตาม หุ้นจีนอาจจะได้รับผลกระทบจากแนวทางของ Fed แต่สำหรับหุ้นจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกงอาจจะทนทานได้มากกว่า เนื่องจากความเสี่ยงที่หุ้นจีนที่จดทะเบียนควบในสหรัฐฯ มีความเสี่ยงต่อการถูกถอดออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนเฉพาะตัว
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP