ความเคลื่อนไหวของการเมืองไทยในห้วงเดือนสิงหาคมที่ต้องจับตาคือ กรณีที่มีการถกเถียงและอาจนำไปสู่การหาข้อยุติในเชิงกฎหมายว่า สถานะความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะครบรอบการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนี้ ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 นับเนื่องจากการดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2557 ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้รัฐประหาร เข้าควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ก็จะครบ 8 ปีพอดี ตามที่รัฐธรรมนูญได้เคยวางหลักวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ให้ไม่เกิน 2 สมัย สมัยละ 4 ปี
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งมองว่ากรณีการครบรอบ 8 ปี ต้องนับตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ที่มีผลบังคับใช้ในห้วงที่ พล.อ. ประยุทธ์เข้าเป็นนายกรัฐมนตรีตามกติกานี้ ทำให้ยังสามารถดำรงตำแหน่งไปได้จนถึง 2570 เพราะดำรงตำแหน่งตามที่รัฐสภาโหวตเมื่อ 8 มิถุนายน 2562
อย่างไรก็ตามมีความเคลื่อนไหวจากพรรคฝ่ายค้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดน่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการยื่นตีความสถานะนายกฯ 8 ปีของตัว พล.อ. ประยุทธ์ ว่าตอนนี้กระแสประชาชนไม่สนใจข้อกฎหมายแล้ว โดยพรรคเพื่อไทยและฝ่ายค้านจะใช้ข้อกฎหมายเป็นหลักในการยื่นวินิจฉัยต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยคาดว่าจะยื่นศาลได้ในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ โดยคำร้องก็จะระบุถึงการให้ พล.อ. ประยุทธ์พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่และมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติ โดยให้เป็นหน้าที่ของนายกฯ รักษาการแทน
ขณะที่วันนี้ (8 สิงหาคม) พล.อ. ประยุทธ์ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ โดยช่วงเช้าเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้องในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค 2565 ครั้งที่ 2/2565 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อติดตามการเตรียมการของคณะอนุกรรมการแต่ละชุดเพื่อรับการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2565 ที่กรุงเทพมหานคร รวมถึงแผนงานการประชุมที่เกี่ยวข้องที่จะเกิดขึ้นก่อนการประชุมระดับผู้นำ
