วานนี้ (11 กรกฎาคม) ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้ลงนามในกฤษฎีกาฉบับใหม่ ขยายช่องทางพิเศษให้ชาวยูเครนทุกคนสามารถยื่นขอสัญชาติรัสเซียได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเคยมีประวัติอยู่ในรัสเซียมาก่อน ไม่ต้องแสดงหลักฐานการเงิน และไม่ต้องผ่านการทดสอบทางภาษาก็สามารถขอสัญชาติได้
ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2019 รัสเซียให้สิทธิดังกล่าวเฉพาะกับผู้ที่อาศัยอยู่ในโดเนตสก์และลูฮันสก์ทางตะวันออกของยูเครนเท่านั้น ซึ่งปูตินกล่าวว่าเขาต้องการปลดแอกผู้คนในดินแดนดังกล่าวให้เป็นอิสระจากยูเครน ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2022 รัสเซียก็ได้ขยายสิทธิดังกล่าวแก่ประชาชนในเมืองเคอร์ซอนและซาปอริซเซียที่กองกำลังรัสเซียยึดครองไว้ได้ รวมถึงยังออกมาตรการอื่นๆ ควบคู่ เช่น ให้สัญชาติรัสเซียแก่เด็กแรกเกิดในพื้นที่ดังกล่าวโดยอัตโนมัติ
นักวิเคราะห์มองว่า การตัดสินใจของปูตินครั้งนี้บ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารัสเซียพยายามหาทางเข้าควบคุมดินแดนยูเครนอย่างถาวร อีกทั้งยังเล็งที่จะขยายอิทธิพลในยูเครนมากกว่าแค่ในเรื่องของกำลังทหาร
ด้านยูเครนได้ออกมาประณามความเคลื่อนไหวดังกล่าว เนื่องจากมองว่าเป็นการทำลายอธิปไตยของชาติ โดยแถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า “กฤษฎีกานี้ละเมิดอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ซึ่งไม่สอดคล้องกับบรรทัดฐานและหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศ”
ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน กล่าวว่า “ชาวยูเครนไม่ต้องการสัญชาติของปูติน และความพยายามบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวจะต้องล้มเหลว”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กระทรวงกิจการภายในของรัสเซียเคยเปิดเผยกับสำนักข่าว TASS ว่า มีประชากรมากกว่า 8 แสนคนในภูมิภาคโดเนตสก์และลูฮันสก์ได้รับสัญชาติรัสเซียผ่านกระบวนการดังกล่าวแล้ว ขณะที่ข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติรายงานว่า ปัจจุบันมีชาวยูเครนมากกว่า 1.5 ล้านคนที่ลี้ภัยสงครามในประเทศไปยังรัสเซีย
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี มองว่า กฎหมายดังกล่าวเป็นการยกระดับความพยายามของกระบวนการ ‘กลืนชาติ’ ของรัสเซีย (Russification) โดยกล่าวว่า “จุดประสงค์ของนโยบายที่ผิดกฎหมายนี้ไม่ใช่เพียงแต่ต้องการจะขโมยคนของเรา แต่รัสเซียยังต้องการให้พวกเขาลืมเรื่องราวเกี่ยวกับยูเครนและไม่สามารถเดินทางกลับมาได้อีก”
แฟ้มภาพ: Contributor / Getty Images
อ้างอิง: