นายกรัฐมนตรี อิงกริดา ซีโมนุเต ของลิทัวเนีย กล่าวว่า คำกล่าวอ้างของรัสเซียที่ว่า ลิทัวเนียปิดกั้นเส้นทางรถไฟไม่ให้เดินทางเข้าสู่คาลินินกราดของรัสเซียนั้นเป็นเรื่องโกหก
คาลินินกราดเป็นดินแดนของรัสเซียที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลบอลติก และเป็นดินแดนเพียงแห่งเดียวของรัสเซียที่ห้อมล้อมด้วยรัฐสมาชิก EU โดยมีลิทัวเนียคั่นกลาง ทำให้คาลินินกราดต้องใช้เส้นทางรถไฟทั้งโดยสารและขนส่งสินค้าไปยังรัสเซียผ่านลิทัวเนีย
โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ลิทัวเนียได้สั่งห้ามการขนส่งเหล็กและโลหะอื่นๆ ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป ส่งผลให้รัสเซียไม่พอใจอย่างมาก โดยประณามการคว่ำบาตรดังกล่าวว่าผิดกฎหมายและยอมรับไม่ได้ พร้อมขู่ว่าจะตอบโต้
อย่างไรก็ดี นายกฯ ซีโมนุเตของลิทัวเนีย ออกโรงชี้แจงว่า ผู้โดยสารยังคงสามารถเดินทางจากรัสเซียข้ามลิทัวเนียเพื่อไปยังคาลินินกราดได้อย่างอิสระ ขณะที่การขนส่งสินค้าของรัสเซียได้รับผลกระทบเพียงประมาณ 1% เท่านั้น
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สหภาพยุโรปคว่ำบาตรการค้าเหล็กกับรัสเซีย แต่มีการอนุโลม โดยให้เวลา 3 เดือนในการส่งเหล็กตามสัญญาที่ทำกันไว้อยู่เดิม
“ลิทัวเนียกำลังปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปที่มีต่อรัสเซีย สืบเนื่องมาจากการที่รัสเซียรุกรานและทำสงครามกับยูเครน” นายกฯ กล่าว
การออกมาปฏิเสธของนายกฯ ลิทัวเนีย สอดคล้องกับนักการทูตอาวุโสรายหนึ่งของ EU ที่กล่าวว่า คำพูดของรัสเซียเกี่ยวกับการปิดกั้นเส้นทางรถไฟนั้นเป็นการบิดเบือนข้อมูลและไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง
รัสเซียผนวกคาลินินกราดเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1945 ปัจจุบันมีประชากรอาศัยอยู่ในคาลินินกราดประมาณหนึ่งล้านคน
ยังไม่ชัดเจนว่ารัสเซียจะตอบโต้อย่างไรต่อเรื่องนี้ โดยก่อนหน้านี้ นิโคไล ปาตรูเชฟ เลขาธิการสภาความมั่นคงของรัสเซีย ขู่ว่า “ประชาชนในลิทัวเนียจะได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง” ด้านกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวเพียงว่า จะใช้มาตรการตอบโต้เช่นเดียวกับการใช้วิธีทางการทูต
นักวิเคราะห์เชื่อว่า ทางเลือกหนึ่งที่รัสเซียอาจใช้คือ การตัดการเชื่อมต่อโครงข่ายการไฟฟ้าที่ลิทัวเนียใช้ร่วมกับรัสเซีย เบลารุส และรัฐบอลติกอื่นๆ ถึงแม้เจ้าหน้าที่ของลิทัวเนียเคยออกมาบอกก่อนหน้านี้แล้วว่า ลิทัวเนียพร้อมที่จะเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้ายุโรปตะวันตกแทน โดยผ่านทางโปแลนด์
นายกฯ ลิทัวเนีย กล่าวกับ BBC ว่า ไม่ควรแสดงปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้มากเกินไป เนื่องจากนี่เป็นเพียงหนึ่งในความพยายามของรัสเซียเพื่อข่มขู่คุกคามเพื่อนบ้าน นอกเหนือไปจากการโจมตีทางไซเบอร์ต่อหน่วยงานสาธารณะและระบบสาธารณูปโภค
ด้านเอสโตเนีย ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งในกลุ่มรัฐบอลติก เรียกร้องให้รัสเซียหยุดการคุกคาม และชี้ว่า มอสโกกำลังแสดงอำนาจก่อนการประชุมสุดยอด NATO ในสัปดาห์หน้าที่เมืองมาดริด ซึ่งคาดว่าสวีเดนและฟินแลนด์จะได้รับการสนับสนุนจากที่ประชุมในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO
ภาพ: Paulius Peleckis / Getty Images
อ้างอิง: