วันนี้ (23 มิถุนายน) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) พร้อมด้วย พล.ต.อ. อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม., วสันต์ บุญหมื่นไวย์ ผู้อำนวยการเขตพระนคร และ พ.ต.อ. ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผู้กำกับ สน.สำราญราษฎร์ สำรวจพื้นที่บริเวณลานคนเมือง เพื่อประเมินการจัดสรรสำหรับให้ประชาชนกลุ่มต่างๆ จัดกิจกรรมทางการเมือง
ชัชชาติกล่าวว่า การประกาศพื้นที่ให้จัดการชุมนุม เป็นไปตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ มาตรา 9 ทั้งนี้ ทาง กทม. กำลังอยู่ในขั้นตอนประกาศพื้นที่ให้ใช้สำหรับการชุมนุมสาธารณะทั้ง 6 โซนของ กทม.
เพื่อให้ประชาชนมีพื้นที่ในการแสดงออก เพราะประชาชนคือเจ้าของพื้นที่ กทม. และเพื่อไม่ต้องไปแสดงออกบนท้องถนน
แต่ทั้งนี้ต้องมีข้อจำกัดในการรองรับคน เพราะไม่สามารถให้ใช้ทั้งพื้นที่จัดกิจกรรมได้ เนื่องจากต้องเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับกรณีฉุกเฉิน ทั้งนี้จะให้ใช้พื้นที่ได้ประมาณ 4,000 ตารางเมตร หรือเกินครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมดของลานคนเมือง รวมทั้งกำหนดให้มีการเว้นระยะห่าง เพราะขณะนี้ยังอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด
ชัชชาติกล่าวว่า กทม. จะมีหน้าที่แค่ในส่วนอำนวยความสะดวก การดูแลความสงบเรียบร้อยคือหน้าที่ของตำรวจ ฉะนั้นการจะเข้าใช้พื้นที่จะต้องมีการตั้งจุดคัดกรองตรวจอาวุธ เพื่อให้การชุมนุมเป็นไปโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และต้องมีตำรวจสังเกตการณ์กิจกรรม
สำหรับการใช้เครื่องเสียงต้องเป็นไปตามความเหมาะสม เพราะลานคนเมืองอยู่ใกล้โรงเรียนและวัด ซึ่งจะต้องมีการควบคุมและขออนุญาต ส่วนตัวอยากให้ใช้เสียงได้จนถึงเวลาประมาณ 22.00 น. เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนพื้นที่โดยรอบ
ทาง กทม. จะเตรียมแสงสว่างและรถห้องน้ำไว้ให้ แต่จะไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ชั้นใต้ดิน เนื่องจากมีรถยนต์ส่วนบุคคลจำนวนมากจอดอยู่ ทั้งนี้ ประกาศพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมชุมนุมให้แสดงออกของ กทม. แต่ละโซนจะมีเงื่อนไขแตกต่างกันออกไป สุดท้ายต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและความสามารถในการใช้งาน
ชัชชาติกล่าวยืนยันว่า การชุมนุมที่จะเกิดขึ้นขอให้เป็นไปตามกฎหมาย และมาตรการประกาศพื้นที่สาธารณะ ซึ่งการออกประกาศของ กทม. ครั้งนี้จะเป็นการทดลองก่อน 1 เดือน เพื่อดูว่าการชุมนุมเป็นไปตามเป้าหมายที่จะต้องเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และเนื้อหาจะต้องไม่มีการละเมิดกฎหมายอื่นใด หากผ่าน 1 เดือนไปแล้ว สถานการณ์ดี มีการแสดงออกด้วยประชาธิปไตย ไม่ได้สร้างความเดือดร้อน ก็สามารถประกาศใช้ต่อไปได้
ชัชชาติยอมรับว่า เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งใหม่ที่ กทม. ไม่เคยประกาศให้ใช้พื้นที่สาธารณะในการชุมนุม ดังนั้นจึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง และคาดว่าจะออกประกาศอย่างเป็นทางการได้ไม่เกินพรุ่งนี้เช้า
ชัชชาติกล่าวถึงมุมมองของประชาธิปไตยในปัจจุบันว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ ตนเองก็มาจากระบอบประชาธิปไตย ถ้าไม่มีประชาธิปไตยก็ไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ถือว่ามีสัญญาณที่ดีขึ้น และคนเราต้องมีความหวัง อดีตเป็นบทเรียน ชีวิตอยู่กับปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ก็หวังว่าประชาธิปไตยจะต้องลดความขัดแย้ง ใช้อารมณ์ให้น้อยลง ใช้เหตุผลให้มากขึ้น ซึ่งถ้าพูดกันด้วยเหตุผล เรื่องชุมนุมไม่ต้องกลัวเลย ทุกคนก็มาจากหลายเหตุผล อย่าไปหวังว่าเราจะเปลี่ยนความคิดคนอื่น เพราะทุกคนก็ต้องมีเหตุผลเป็นของตัวเอง
การจัดเวทีชุมนุมสาธารณะเพื่อมาแถลงความเห็น ไม่ได้เพื่อมาเปลี่ยนความคิดคนอื่น เมื่อแถลงความคิดไปแล้วก็จบ ส่วนคนจะเปลี่ยนความคิดหรือไม่ก็อยู่ที่ตัวคนนั้น ไม่ต้องขัดแย้งกัน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ กทม. เปิดพื้นที่สาธารณะเพื่อให้มาแถลงความคิด
ชัชชาติกล่าวต่อว่า สถานการณ์ความขัดแย้งปัจจุบันดีขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องไม่อยู่บนความขัดแย้งนั้น ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไป ชี้แจงด้วยเหตุผล ใครด่าเราก็ขอบคุณ หากเป็นจริงเราก็ปรับปรุง ถ้าไม่เป็นจริงก็ก้าวข้ามไป อย่าไปเป็นเครื่องมือของความขัดแย้ง เพราะประชาชนคงจะเบื่อความขัดแย้งแล้ว และหวังว่าการเปิดพื้นที่ของ กทม. ให้แสดงความคิดเห็น จะเป็นพื้นที่ที่ช่วยลดความขัดแย้งได้