×

TASTE: เตรียมชุดลายดอกอูนิกโกะให้พร้อม แล้วไปฮอปปิ้งกันที่ ‘Marimekko Pop-Up Café’ แห่งแรกในไทย

18.06.2022
  • LOADING...
Marimekko Pop-Up Café

HIGHLIGHTS

3 mins. read
  • ความพิเศษของ Marimekko Pop-Up Café คือการสะท้อนตัวตนของแบรนด์ ผ่านแนวคิด ‘The best place to bring joy to everyday life’ การออกแบบคาเฟ่มีความเรียบง่ายสไตล์นอร์ดิก ดูอบอุ่นด้วยแมตทีเรียลหลักที่เป็นไม้ และมีการตกแต่งด้วยผลิตภัณฑ์ Home Collection ของแบรนด์เอง ไม่ว่าจะเป็นปลอกหมอนลายอูนิกโกะ หลากหลายสี ผ้าพิมพ์ลาย แจกัน
  • ไลฟ์สไตล์ในแบบฉบับของสแกนดิเนเวียที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ คือเรื่องของเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากฤดูกาลทั้งสี่ของประเทศแถบสแกนดิเนเวีย มีความโฮมเมด ออร์แกนิก และจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเมนูไปตามฤดูกาล

 

Marimekko เป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์สัญชาติฟินแลนด์ ที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับลวดลายของดอกอูนิกโกะ (Unikko) บนเสื้อผ้า กระเป๋าผ้า และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมาย จนเรียกได้ว่าแทบจะกลายเป็นลายซิกเนเจอร์ของแบรนด์ไปแล้ว ซึ่งในโอกาสฉลองครบรอบ 7 ปีในไทยนี้ Marimekko ก็ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยการเปิด Marimekko Pop-Up Café แห่งแรกในประเทศ ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี พร้อมเสิร์ฟความสแกนดิเนเวียผ่านอาหารและเครื่องดื่มบนจานลายพิมซิกเนเจอร์ของแบรนด์ และการตกแต่งจาก Home Collection ที่มาเติมเต็มความสดใสให้เหล่า Marimekko Lover ฟินและอินกับดอกอูนิกโกะมากกว่าเดิม 

 

 

ความพิเศษของ Marimekko Pop-Up Café คือการสะท้อนตัวตนของแบรนด์ ผ่านแนวคิด ‘The best place to bring joy to everyday life’ ที่อยากมอบแรงบันดาลใจ และประสบการณ์แห่งความสุขให้กับทุกคนที่มา เราจะเห็นได้ว่าการออกแบบคาเฟ่มีความเรียบง่ายสไตล์นอร์ดิก ดูอบอุ่นด้วยแมตทีเรียลหลักที่เป็นไม้ และมีการตกแต่งด้วยผลิตภัณฑ์ Home Collection ของแบรนด์เอง ไม่ว่าจะเป็นปลอกหมอนลายอูนิกโกะ หลากหลายสี ผ้าพิมพ์ลาย แจกัน

 

 

รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ Oiva (เซรามิก) เซ็ตเทเบิลแวร์ หรือภาชนะใส่อาหารในลวดลายพิมพ์ที่เป็นเอกลักษณ์จาก Marimekko ซึ่งถูกนำมาใช้เสิร์ฟอาหารจริงๆ ภายในคาเฟ่ ทำให้เราได้ลองมาสัมผัส และลองใช้งานได้อย่างเพลิดเพลิน ตั้งแต่จานชาม แก้วน้ำ ไปจนถึงทิชชู่ และหากใครถูกใจชิ้นไหนก็สามารถช้อปกลับไปใช้ที่บ้านได้ด้วย ซึ่งตัวร้านของ Marimekko เองก็อยู่ถัดไปด้านข้าง เรียกได้ว่าถ้าอิ่มแล้วก็เดินเข้าไปช้อปกันต่อได้แบบชิลๆ เลย

 

 

การนำเสนอไลฟ์สไตล์ในแบบฉบับของสแกนดิเนเวียที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ คือเรื่องของเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากฤดูกาลทั้ง 4 ของประเทศแถบสแกนดิเนเวีย มีความโฮมเมด ออร์แกนิก และจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเมนูไปตามฤดูกาล โดยเชฟจะนำวัตถุดิบที่โดดเด่นของแต่ละฤดูมาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก ผสมผสานจนเป็นเมนูอาหารแบบสแกนดิเนเวีย แต่ยังได้รสชาติติดปลายลิ้นในแบบที่คนไทยชอบ

 

 

ตอนนี้เป็นเมนูจาก Spring Season อาหารจะแบ่งเป็น 3 หมวด คือ สลัด, พาสต้า และแพนเค้ก, อาหารจานหลัก Main & Meat เริ่มกันที่ Green Pea & Strawberry Salad (390 บาท) สลัดผักสีสันสดใส ประกอบด้วยถั่วลันเตา หน่อไม้ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี เสิร์ฟพร้อมกับแซลมอนกราฟลักซ์ และราดด้วยน้ำสลัดที่มีส่วนผสมของน้ำผลไม้ Bilberry จาก Biokia (ไบโอเกีย) ซึ่งเป็นเบอร์รีป่าออร์แกนิก 100% จากประเทศฟินแลนด์ ที่ถือว่าเป็นซูเปอร์ฟู้ด มีความเปรี้ยวนำ กินแล้วสดชื่น น่าจะเป็นจานที่ถูกใจสายสุขภาพ เพราะเป็นเมนู Hearty & Healthy Cuisine ที่อุดมไปด้วยผักและผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

 

Green Pea & Strawberry Salad (390 บาท)

 

ถัดมาที่เราได้ลอง คือ Potato Pesto with Egg (280 บาท) มันฝรั่งบดคลุกเคล้าเมล็ดยี่หร่า ผักร็อกเก็ต และหัวหอม ปรุงรสแบบไทยๆ ด้วยสมุนไพรและพริกไทย ท็อปด้วยไข่ดาวไม่สุกแบบ Sunny Side Up เมื่อกินรวมกันจะได้รสชาติหอมมัน สัมผัสละมุนของมันฝรั่งและไข่แดง

 

 Potato Pesto with Egg (280 บาท) 

 

มาในหมวด Main & Meat กันบ้าง กับเมนู Spiced Roasted Chicken (380 บาท) สเต๊กสะโพกไก่ย่างเครื่องเทศ ใช้เทคนิคย่างแบบ Slow Roasted ทำให้ไก่มีความนุ่มและฉ่ำ กินคู่กับมันอบ เห็ด แครอต และกะหล่ำปลีแดงดอง และเลมอนที่มาช่วยชูรสชาติให้จานนี้กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น 

 

Spiced Roasted Chicken (380 บาท)

 

และเมนูสุดท้าย Open Sandwich with Egg & Prawns (380 บาท) ขนมปังโฟกัชชาโทสต์ท็อปด้วยเนื้อกุ้งและไข่ต้ม ราดซอสเรมูลาร์ดศรีราชาที่ให้รสชาติเปรี้ยวเผ็ดกำลังดี

 

 Open Sandwich with Egg & Prawns (380 บาท) 

 

สำหรับเมนูเครื่องดื่มตัวซิกเนเจอร์ แนะนำ Refreshment Drink อย่าง Bilberry Spritzer (180 บาท) น้ำผลไม้ Bilberry เบอร์รีออร์แกนิกจาก Biokia นำเข้าจากประเทศฟินแลนด์ โดยความพิเศษคือผลเก็บจากต้นด้วยมือ และทุกกระบวนการผลิตอยู่ภายใต้การควบคุมแบบออร์แกนิก ทำให้สามารถสัมผัสถึงรสชาติของเบอร์รีได้แบบเต็มๆ มีความเปรี้ยวหวานกำลังดี ดื่มง่ายและให้ความสดชื่น นอกจากนี้ยังมีชาและกาแฟในคลาสสิกเมนูให้ได้ลิ้มลองกันอีกด้วย

 

Bilberry Spritzer (180 บาท)

 

ปิดท้ายกันด้วยเมนูขนมหวาน ที่เราสามารถเลือกเมนูกันได้ที่หน้าร้านเลย เราแนะนำ Lemon Cheese Pie (220 บาท) ทาร์ตเลมอนชีสที่ท็อปด้วยวิปครีม ตัวทาร์ตเนื้อนุ่มกำลังดี ได้รสเปรี้ยวและความสดชื่นจากเลมอน

 

 Lemon Cheese Pie (220 บาท) 

 

นอกจากตัว Pop-Up Café แล้ว สำหรับใครที่เป็นแฟนตัวยงของ Marimekko ก็อย่าลืมแวะไปเช็กอินและสแนปภาพกับ Marimekko Fabric ที่มีด้วยกัน 2 จุด คือบริเวณทางเข้าฝั่งที่เชื่อม Skywalk และ Backdrop หน้าบันไดเลื่อนข้างๆ กันกับคาเฟ่ด้วย

 

 

Marimekko Pop-Up Café

Location: Level 1, Central Embassy

Open: 10.00-21.00 น. (Last Order เวลา 20.15 น.)

Contact: 06 3228 0301

Budget: 180 บาท 

Map:

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X