วันนี้ (18 มิถุนายน) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แนวโน้มการติดเชื้อโควิดลดลง ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) จึงมีมติเห็นชอบให้ปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักรเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) 77 จังหวัด และยังเห็นชอบผ่อนคลายให้ถอดหน้ากากได้นอกอาคารหรือที่โล่งแจ้ง โดยเน้นความสมัครใจของแต่ละบุคคล ซึ่งเริ่มดำเนินการได้หลังประกาศราชกิจจานุเบกษา แต่สำหรับกลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ควรสวมหน้ากากเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น รวมทั้งผู้ติดเชื้อ และผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ให้สวมหน้ากากตลอดเวลา เมื่อจำเป็นต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นเช่นเดียวกัน
สำหรับประชาชนทั่วไป หากเป็นสถานที่ภายนอกอาคาร ที่โล่งแจ้ง สามารถถอดหน้ากากได้ แต่ให้สวมหน้ากากเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น โดยไม่สามารถเว้นระยะห่าง มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก หรือมีการระบายอากาศไม่ดี เช่น ขนส่งสาธารณะ ตลาด สนามกีฬา หรือสถานที่แสดงดนตรีที่มีผู้ชม แต่เมื่ออยู่ภายในอาคารให้สวมหน้ากาก สามารถถอดได้ในกรณีที่อยู่คนเดียว หากอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นที่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่พำนักเดียวกันต้องสามารถเว้นระยะห่างได้ ไม่รวมกลุ่มแออัด ให้อยู่ในที่ระบายอากาศได้ดี และกรณีมีกิจกรรมที่จำเป็นต้องถอดหน้ากาก เช่น รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย บริการบริเวณใบหน้า ศิลปะการแสดง โดยให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เมื่อกิจกรรมนั้นเสร็จสิ้นควรสวมหน้ากากทันที
สำหรับสถานที่ประกอบกิจการหรือกิจกรรมได้กำหนดเงื่อนไข ดังนี้
- ผู้ให้บริการ ขอให้สวมหน้ากากตลอดเวลาขณะให้บริการ โดยได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์และเข็มกระตุ้น ให้ตรวจ ATK เมื่อมีอาการหรือมีความเสี่ยง ส่วนผู้ติดเชื้อให้งดมาปฏิบัติงาน และผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงไปทำงานได้ แต่ให้แยกพื้นที่กับผู้อื่น
- สถานที่ ให้ปฏิบัติตามหลักของสุขาภิบาลและอนามัยสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยจัดให้มีอุปกรณ์และสถานที่ล้างมืออย่างเพียงพอ มีการทำความสะอาด มีการจัดการของเสีย ส้วมและสิ่งปฏิกูลเป็นไปตามมาตรฐาน พื้นที่สัมผัส/อุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกัน ให้ทำความสะอาดอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง จัดให้มีการระบายอากาศ และกำหนดความจุคนในอาคาร ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ จากข้อมูลการสำรวจอนามัยโพลของกรมอนามัย เกี่ยวกับมาตรการสวมหน้ากากตลอดเวลาในสถานที่สาธารณะและสถานประกอบการ พบว่า ประชาชนร้อยละ 93.3 เห็นว่ายังคงต้องสวมหน้ากากต่อไป มีเพียงร้อยละ 6.7 ที่เห็นว่าให้เลิกทำ ดังนั้น เมื่อต้องสวมหน้ากากทุกครั้งจึงต้องสวมให้ถูกวิธีและให้กระชับกับใบหน้า