โครงการ GalileOasis ในย่านบรรทัดทองที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ มีร้านฟิชแอนด์ชิปร้านเล็กๆ แต่ดีงามหลายอย่าง ซึ่งเราอยากจะขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักและลองแวะไปชิมกัน นั่นคือร้าน ‘Fishmonger’ ที่ใช้ปลาไทยหลากหลายชนิดและจับโดยวิถียั่งยืน แถมยังเป็นกิจการเพื่อสังคมที่ช่วยให้ชาวประมงบนเกาะลันตามีรายได้ 

 

ร้านเล็กเพียงไม่กี่ที่นั่ง เคาน์เตอร์สั่งคล้ายจะเป็นฟาสต์ฟู้ด ทว่าคุณภาพอาหารดีงาม

และถ้าที่นั่งเต็มก็สามารถยกไปนั่งกินบริเวณส่วนกลางโครงการได้ 

 

จุดเริ่มต้นของร้านนี้อยู่ที่พี่ชายของหุ้นส่วนร้านเป็นเชฟผู้ชอบตกปลา และมีเพื่อนสนิทเป็นชาวเกาะลันตา จึงรู้ว่าชาวประมงบนเกาะประสบปัญหาไม่สามารถขายปลาชนิดแปลกๆ ที่อาจจะไม่ได้ฮิตหรือนิยมกินกันอย่างแพร่หลายเหมือนกับปลาเก๋าหรือปลากะพง จึงได้ก่อตั้งเพจลันตาปลาไทย ขึ้นมาเพื่อที่จะรับซื้อปลาในราคาที่สมเหตุสมผลเป็นธรรม โดยมีการทำข้อตกลงกันไว้ว่าจะต้องไม่ใช้อุปกรณ์จับปลาอวนตาถี่ หรือเป็นเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ลากอวนกวาดจับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ยังคงใช้วิธีการจับปลาแบบพื้นบ้านโดยใช้เบ็ด รอก หรือไซ ซึ่งไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เป็นวิธีการทำประมงที่คำนึงถึงความยั่งยืน 

 

“หลักในการเลือกปลาของร้านเราต้องเป็นปลาที่จะนำมาทอดและย่างได้อร่อยเท่านั้น จริงๆ แล้วเราขายปลาหลากหลายชนิดมาก แต่ที่ใช้ยืนพื้นอยู่ในร้านตอนนี้หลักๆ ก็จะมียืนพื้นอยู่ 5 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ ปลาสร้อยนกเขา ปลาน้ำดอกไม้ ปลาช่อนทะเล และยังมีปลาเก๋ากับปลาอังเกย ซึ่งเหมาะสำหรับทั้งย่างและทอด นอกจากนี้เราก็ยังมีปลาพิเศษประจำวัน อย่างวันนี้ชาวประมงเขาออกเรือได้ปลาอะไรมาแล้วเหมาะจะเอาไปปรุงเป็นเมนูอะไร เราก็จะขึ้นกระดานไว้เป็นเมนูพิเศษประจำวันให้ลูกค้าทราบ”

 

จับปลาแบบพื้นบ้านวิถียั่งยืน 

ส่งตรงมายังร้านภายใน 48 ชั่วโมง

 (Photo Credit : Fishmonger) 

 

‘พูน-พลอยปภัส อริยะกมลรัตน์’ หนึ่งในหุ้นส่วนของทางร้านอธิบายให้เราฟัง เธอยังเล่าต่ออีกว่า ปลาพิเศษดังกล่าวนั้นเป็นกลุ่มปลาที่ค่อนข้างหายาก เช่น ปลาเก๋าบ้อง เก๋ามัน ปลากุดสลาด หรือปลาเก๋าแดง ปลาโฉมงาม ปลาทรายแดงยักษ์ ฯลฯ โดยจุดแข็งของร้าน Fishermonger อยู่ที่ความสด เพราะปลาที่จับได้จะถูกส่งมาตรงถึงร้านภายใน 48 ชั่วโมง นอกจากนี้ปลาบางรอบยังผ่านกรรมวิธี Ikejime หรือการไล่เลือดออกจากปลาแบบญี่ปุ่นซึ่งจะช่วยทำให้ปลาไร้กลิ่นคาว แถมบางครั้งก็ยังมีเมนูพิเศษอย่าง หอยนางรม ไข่ปลาหมึก หรืออื่นๆ เข้ามาบ้าง ก็แล้วแต่ว่าเป็นฤดูกาลไหน หรือชาวประมงเจออะไรที่น่าสนใจในรอบนั้นก็จะรับเอามาปรุงขาย แต่หลักๆ ก็คือฟิชแอนด์ชิปส์ที่เป็นตัวชูโรงของร้าน 

 

 ถั่วลันเตาบด

 

Scallop Potato และ ปลาหมึกย่างลุยเซียนา

 

เริ่มต้นจากของกินเล่นกันก่อน ‘Scallop Potato’ (75 บาท) มันฝรั่งหั่นขวางต้ม แล้วชุบแป้งทอด เนื้อมันฝรั่งหวานกรอบนอกนุ่มใน ‘ปลาหมึกย่างลุยเซียนา’ (135 บาท) เป็นอีกหนึ่งเมนูขายดีของทางร้าน หมึกยังคงความสดและกลิ่นของท้องทะเลเอาไว้ได้ดี เพราะเมื่อจับมาได้แล้วจะแพ็กและขนส่งโดยไม่ให้โดนน้ำจืดเลย เนื้อของหมึกจึงยังคงความสดเด้งไว้ ยิ่งบีบเลมอนให้กลิ่นสดชื่นหน่อยยิ่งเข้าที ในส่วนของเครื่องเคียงนั้นมีซอสให้เลือกถึง 3 แบบ  ได้แก่ ‘ซอสทาทาร์’ (20 บาท) ‘ชีสดิป’ (30 บาท) และ ‘ทรัฟเฟิลมาโย’ (30 บาท) ซึ่งล้วนเป็นสูตรของทางร้านเอง และยังมี ‘ถั่วลันเตาบด’ (50 บาท) ซึ่งไม่ได้ทำจากถั่วลันเตาแช่แข็ง แต่ใช้ถั่วลันเตาสดใหม่

 

เบอร์เกอร์ปลา

 

ฟิชแอนด์ชิปส์ 

แป้งบางกรอบดีงาม

 

เมนูปลาจานหลักมีปลาให้เลือกหลากหลายชนิดทั้งปลาปกติและปลาพรีเมียม ซึ่งเราได้ชิมทั้งหมด 3 จาน  ได้แก่ ‘เบอร์เกอร์ปลาสร้อยนกเขา’ (195 บาท) จุดเด่นของปลาชนิดนี้คือเนื้อนุ่ม ส่วนเมนูพระเอกในวันนี้คือปลาชุบแป้งทอด ‘ฟิชแอนด์ชิปส์ปลาเหลืองญี่ปุ่น’ (220 บาท) ด้วยเท็กซ์เจอร์ที่นุ่มและเด้งจึงเป็นปลาที่นิยมนำไปทำเป็นลูกชิ้นปลา เราชอบที่ทางร้านทอดแป้งได้ออกมาบางกรอบและสัมผัสได้ถึงความสดฉ่ำของเนื้อปลา 

 

 

ตบท้ายด้วยจานหลักอีกจานซึ่งเป็นปลาพิเศษประจำวัน ‘ปลาเสือซ่อนเล็บย่าง’ (260 บาท) เนื้อนุ่มและแน่นในระดับปานกลาง ปรุงรสย่างมาแบบพอดิบพอดี เสิร์ฟพร้อมสลัดผักสด เป็นอีกจานที่อร่อย กินง่าย ไม่หนักท้องจนเกินไป ส่วนใครไม่รู้ว่าจะเลือกลองปลาชนิดไหนดีเพราะตัวเลือกเยอะมากก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะเขามีเขียนอธิบายกำกับไว้ให้บนกระดาน หรือสามารถสอบถามให้พนักงานร้านแนะนำก็ได้ 

 

 

พูดกันในเรื่องของภาพรวมแล้วต้องบอกว่า Fishmonger นั้นเป็นร้านที่มีความดีงามหลายอย่าง ทั้งราคาอาหารที่เป็นมิตรสบายกระเป๋า แถมทั้งเนื้อปลาและของทะเลต่างๆ ก็สดใหม่ มีตัวเลือกชนิดของปลาหลากหลาย เสิร์ฟมาในพอร์ชันที่ไม่ได้เล็กเลย แถมอิ่มมื้อนี้ของเรายังช่วยอุดหนุนให้ชาวประมงในชุมชนมีรายได้ และเป็นการสนับสนุนการทำประมงวิถียั่งยืนอีกด้วย