เกาหลีเหนือยอมรับว่า กำลังเผชิญสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดที่รุนแรงจนเรียกได้ว่า กลายเป็นวิกฤตที่สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ และทำให้ความมั่นใจในการเป็น ‘ประเทศปลอดโควิด’ ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมาหายไป
คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ได้สั่งการให้ใช้มาตรการฉุกเฉินขั้นสูงสุด รวมถึงการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอย่างเข้มงวด เพื่อควบคุมและยับยั้งการแพร่ระบาด
แต่ดูเหมือนสถานการณ์จะแพร่ลามไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิดแล้วอย่างน้อย 42 คน และมีประชาชนที่เกิดอาการไข้สูงและเสี่ยงติดเชื้อมากกว่า 8.2 แสนคน จากข้อมูลที่บันทึกไว้ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา
การแพร่ระบาดของโควิดที่เกิดขึ้น ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า รัฐบาลเปียงยางจะสามารถรับมือวิกฤตครั้งนี้ได้หรือไม่ และสถานการณ์จะเลวร้ายไปจนถึงขั้นกลายเป็นวิกฤตด้านสาธารณสุขครั้งใหญ่ไหม? เนื่องจากระบบสาธารณสุขของเกาหลีเหนือนั้นมีทรัพยากร ‘ไม่เพียงพอ’ อีกทั้งศักยภาพในการตรวจหาเชื้อก็ยังค่อนข้างจำกัด และที่ผ่านมายังไม่มีโครงการฉีดวัคซีนโควิดให้แก่ประชาชนด้วย
ไม่มีการฉีดวัคซีน จำกัดการตรวจเชื้อ
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าเกาหลีเหนือเป็น 1 ใน 2 ประเทศของโลก นอกจากประเทศเอริเทรียในแอฟริกาตะวันออก ที่ไม่ได้เริ่มโครงการฉีดวัคซีนโควิดให้แก่ประชาชน นับตั้งแต่สถานการณ์โควิดระบาดเมื่อช่วงปลายปี 2019
โครงการแบ่งปันวัคซีนโควิดทั่วโลกอย่าง COVAX ได้ลดจำนวนวัคซีนที่จัดสรรให้เกาหลีเหนือ เนื่องจากรัฐบาลเปียงยางล้มเหลวในการจัดเตรียมด้านการขนส่ง ขณะที่เปียงยางเองยังปฏิเสธข้อเสนอมอบวัคซีนช่วยเหลือจากจีน
รายงานล่าสุดที่ประเมินว่า คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือได้รับวัคซีนโควิดแล้วหรือไม่นั้น มีขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่สำนักงานข่าวกรองของเกาหลีใต้ระบุว่าไม่พบสัญญาณว่าผู้นำเกาหลีเหนือได้รับการฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว
เกาหลีเหนือเปิดเผยเมื่อปีที่แล้วว่าได้พัฒนาอุปกรณ์ตรวจเชื้อโควิด แบบ PCR (Polymerase Chain Reaction) ของตนเอง ขณะที่รัสเซียเปิดเผยว่าได้จัดส่งชุดตรวจจำนวนไม่มากนักให้แก่รัฐบาลเปียงยาง
ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือเผชิญการคว่ำบาตรอย่างหนัก เนื่องจากการดำเนินโครงการอาวุธนิวเคลียร์ และตั้งแต่ปี 2020 ทางการเกาหลีเหนือได้คุมเข้มมาตรการล็อกดาวน์ชายแดน ซึ่งส่งผลให้ยาและเวชภัณฑ์จำนวนมากไม่สามารถจัดส่งข้ามชายแดนมาได้
ผู้เชี่ยวชาญมองว่า อัตราการตรวจเชื้อของเกาหลีเหนือที่มีอยู่ แสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนือไม่สามารถรับมือกับกรณีการติดเชื้อแบบมีอาการ ตามที่มีรายงานได้
ซึ่งจนถึงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีประชาชนเกาหลีเหนือได้รับการตรวจเชื้อโควิดเพียงประมาณ 64,207 คน จากจำนวนประชากรทั้งหมดกว่า 25 ล้านคน โดยข้อมูลจาก WHO แสดงให้เห็นว่าผลตรวจทั้งหมดนั้นเป็นลบ
คี พัค จากสถาบันการแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ระบุว่า เกาหลีเหนือมีการตรวจเชื้อประชาชนประมาณ 1,400 คนในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในช่วงที่มีศักยภาพสูงสุด ก็สามารถตรวจเชื้อได้สูงสุดราว 400 ครั้งต่อวันเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอที่จะตรวจเชื้อประชาชนหลายแสนคนที่มีอาการ
ขณะที่ยังไม่ชัดเจนว่าเกาหลีเหนือได้กำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับการสวมหน้ากากอนามัยตั้งแต่เริ่มต้นการระบาดของโควิดในประเทศหรือไม่ โดยบางครั้งมีคนเห็นประชาชนสวมหน้ากากอนามัย แต่บางครั้งก็ไม่มีการสวมหน้ากากอนามัย เช่น กรณีที่มีเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองที่มีการระดมฝูงชนหลายหมื่นคน
ระบบการแพทย์ย่ำแย่ ขาดแคลนเวชภัณฑ์
จากข้อมูลดัชนีความมั่นคงด้านสุขภาพโลกในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว พบว่า เกาหลีเหนืออยู่อันดับสุดท้ายของโลก ด้านความสามารถในการตอบสนองและบรรเทาการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าเกาหลีเหนือจะมีแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมจำนวนมาก และมีศักยภาพในการเตรียมพร้อมหรือจัดส่งเจ้าหน้าที่ได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่ระบบสาธารณสุขของเกาหลีเหนือก็มีทรัพยากรไม่เพียงพอมายาวนาน
WHO ระบุในรายงานยุทธศาสตร์ความร่วมมือระดับประเทศ ปี 2014-2019 ว่าทุกหมู่บ้านในเกาหลีเหนือจะมีคลินิกหรือโรงพยาบาลอย่างน้อย 1 หรือ 2 แห่ง และโรงพยาบาลในเขตต่างๆ ส่วนใหญ่ติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์ไว้ โดยไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้งานได้
ควอนยองเซ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีกระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้คนใหม่ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลี กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (12 พฤษภาคม) โดยเชื่อว่าเกาหลีเหนือนั้นขาดแคลนแม้แต่เวชภัณฑ์ขั้นพื้นฐาน เช่น ยาแก้ปวดและยาฆ่าเชื้อ
อย่างไรก็ตาม ผู้ตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ รายงานเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า มาตรการป้องกันโควิดของเกาหลีเหนือ ซึ่งรวมถึงการปิดพรมแดน สามารถป้องกันการระบาดครั้งใหญ่ได้ ถึงแม้ว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างมาก สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในวงกว้าง
ฝันร้ายอาจกลายเป็นจริง
แทยองโฮ อดีตนักการทูตเกาหลีเหนือที่แปรพักตร์ไปยังเกาหลีใต้ในปี 2016 แสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์ระบาดของโควิดที่เกิดขึ้นว่า อาจส่งผลให้เกิดความท้าทายทางการเมืองสำหรับผู้นำเผด็จการของเกาหลีเหนือ
“คิมจองอึนสั่งการให้ระดมเวชภัณฑ์สำรอง ซึ่งหมายความว่าเกาหลีเหนือกำลังใช้เวชภัณฑ์สำรองสำหรับสงคราม และโรงพยาบาลทั่วไปกำลังไม่มียา” เขากล่าว
ขณะที่ จีซองโฮ ผู้แปรพักตร์ที่หนีจากเกาหลีเหนือในปี 2006 และปัจจุบันกลายเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกาหลีใต้ กล่าวว่า การแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของโควิดในเกาหลีเหนือ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการขาดระบบการแพทย์ที่ใช้งานได้
“ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตระหว่างความอดอยากในช่วงทศวรรษ 1990 หลังจากโรคไทฟอยด์ระบาด มันเป็นฝันร้ายสำหรับรัฐบาลเผด็จการเกาหลีเหนือและสำหรับชาวเกาหลีเหนือ” จีซองโฮกล่าวในการประชุมสภาเกาหลีใต้
ภาพ: Photo by KIM WON JIN / AFP
อ้างอิง: