จากกรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต. ระบุให้บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitkub) รวมทั้งบุคคลอื่นอีก 5 ราย ที่มีหน้าที่ในการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลของ Bitkub มีความผิดตาม พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล และได้เปรียบเทียบปรับจำนวน 2.53 ล้านบาทต่อราย รวมเป็นเงิน 15.2 ล้านบาท
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้กำหนดค่าปรับรายวันจนกว่า Bitkub จะปฏิบัติในเรื่องที่ฝ่าฝืนกฎหมายให้ถูกต้อง ทั้งนี้ ค่าปรับที่ปรากฏดังกล่าวยังไม่รวมจำนวนค่าปรับรายวัน ตั้งแต่วันถัดจากวันที่เปรียบเทียบความผิดจนถึงวันที่บริษัทได้ปฏิบัติถูกต้องภายในกำหนดเวลาตามการเปรียบเทียบความผิด
หากพิจารณาจากข้อความที่ ก.ล.ต. ระบุไว้เกี่ยวกับการกระทำโดยสังเขป ดูเหมือนว่าความผิดของ Bitkub น่าจะตกอยู่ใน 2 ส่วนที่สำคัญ คือ
- เหรียญ KUB ที่ลิสต์อยู่ในกระดานไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกและเพิกถอนสินทรัพย์ดิจิทัล (Listing Rule)
- Bitkub ไม่ได้คำนึงถึงมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest)
แหล่งข่าววงการคริปโตกล่าวว่า กรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต. สั่งเปรียบเทียบปรับ Bitkub และคณะกรรมการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลของ Bitkub เนื่องจากกระทำการหรือละเว้นกระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำ เป็นเหตุให้ Bitkub คัดเลือก Bitkub Coin (เหรียญ KUB) เข้าซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไม่เป็นไปตาม Listing Rule และไม่ได้คำนึงถึงมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (COI) นั้นสร้างความสับสนและสงสัยภายในวงการคริปโตพอสมควร
เนื่องจากเหรียญ KUB ผ่านการพิจารณาและเข้าซื้อขายใน BO ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว และต่อมาในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ออกประกาศเกี่ยวกับลักษณะเหรียญที่ศูนย์ซื้อขายไม่ควรนำมาซื้อขาย (Listed)
ซึ่งหากตีความว่าคณะกรรมการคัดเลือกเหรียญละเว้นการทำหน้าที่ ส่งผลให้เหรียญ KUB ไม่เป็นไปตาม Listing Rule สำนักงาน ก.ล.ต. ก็น่าจะลงโทษคณะกรรมการและแจ้งให้ Bitkub ดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตาม Listing Rule ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ในการนำเหรียญเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในศูนย์ซื้อขายของบิทคับออนไลน์นั้นจะมีข้อกำหนดคุณลักษณะของเหรียญ 5 ประการ เพื่อคัดกรองคุณสมบัติโดยคร่าว จากขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการคัดเลือกเหรียญ ซึ่งไม่มีการเปิดเผย Criteria ใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งจุดนี้ในฐานะคนในแวดวงมองว่า มีความ Subjective สูง และอาจเป็นจุดที่สำนักงาน ก.ล.ต. พิจารณาว่าเข้าข่ายมีความผิดก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถประเมินแบบเฉพาะเจาะจงได้ว่าแท้จริงแล้ว Bitkub และคณะกรรมการคัดเลือกเหรียญ กระทำความผิดเรื่องใดกันแน่ ซึ่งจากนี้ไปก็จะเป็นหน้าที่ของสำนักงาน ก.ล.ต. ในการสร้างความชัดเจนสำหรับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม
แหล่งข่าวกล่าวว่า การถูกเปรียบเทียบปรับครั้งนี้เพิ่มความเสี่ยงแก่ Bitkub แต่ไม่ได้กระทบกับเหรียญ KUB ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ราคาเหรียญ KUB ปรับตัวลดลงอย่างหนัก เพราะนักลงทุนเริ่มวิตกว่าท้ายที่สุดของการลงโทษจะนำไปสู่การสั่งให้นำเหรียญ KUB ออกจากศูนย์ซื้อขาย ซึ่งส่วนตัวแล้วมองว่าไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น
“แม้ว่าคณะกรรมการคัดเลือกเหรียญจะถูกเปรียบเทียบปรับ และอาจนำไปสู่การมองว่าเหรียญ KUB เข้าข่ายลักษณะเหรียญที่ไม่ควรนำมา Listed แต่เหรียญ KUB เมื่อปีที่แล้วที่เพิ่งเข้ามาซื้อขายกับในตอนนี้ก็ต่างกันออกไป โดยมีการพัฒนาโปรเจ็กต์ต่างๆ มากขึ้น ดังนั้นการจะให้นำเหรียญออกจากตลาดไม่น่าจะเกิดขึ้น”
สำหรับราคาเหรียญ KUB ล่าสุดวันนี้ (10 พฤษภาคม) ปรับตัวลดลงกว่า 13% จากวันก่อนหน้า โดยราคาร่วงลงมาเคลื่อนไหวในระดับ 114 บาท ซึ่งหากเทียบกับจุดสูงสุดที่เคยทำเอาไว้ในระดับ 580 บาทในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เท่ากับว่าราคาเหรียญ KUB ปรับลดลงมาแล้วราว 80%
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. ระบุไว้ว่า ความผิดของ Bitkub ในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับมาตรา 30 ตาม พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด โดยจะคำนึงถึง 5 ประเด็นที่สำคัญ ได้แก่
- มีแหล่งเงินทุนเพียงพอรองรับการทำธุรกิจและความเสี่ยงต่างๆ
- ความปลอดภัยของสินทรัพย์ของลูกค้า
- การรักษาความปลอดภัยจากการโจรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
- มีระบบบัญชีที่เหมาะสม
- มีมาตรการการรู้จักลูกค้าและต่อต้านการก่อการร้ายและฟอกเงิน
จาก 5 ประเด็นข้างต้น เรื่องของความปลอดภัยของสินทรัพย์ของลูกค้าเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ ก.ล.ต. กังวลอย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมาก็จะเห็นการส่งสัญญาณถึง Bitkub เกี่ยวกับเรื่องนี้มาเป็นระยะ
เช่น การเปรียบเทียบปรับเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564 จากกรณีที่ Bitkub เก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าในระบบที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายเมื่อทำธุรกรรมเท่านั้น (Cold Wallet) น้อยกว่า 90% ของมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าทั้งหมด เป็นเวลา 33 วัน ทำให้บริษัทถูกปรับไป 858,000 บาท
หรือการที่ Bitkub ไม่กำกับดูแลให้ฝ่ายผลิตภัณฑ์ติดตามคุณสมบัติของเหรียญดิจิทัลสกุล CTXC จึงไม่ได้ Update Version ของเหรียญ ทำให้เหรียญดังกล่าวไม่สามารถซื้อขายในศูนย์ซื้อขายอื่น และมีการปรับตัวของราคาอย่างผิดปกติ ทำให้ถูกปรับไป 230,500 บาท
รวมถึงการถูกปรับอีก 305,000 บาท จากกรณีที่ Bitkub มีระบบงานที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย รับฝากและถอนสินทรัพย์ รวมทั้งระบบการแสดงยอดทรัพย์สินของลูกค้า ไม่เหมาะสมและเพียงพอให้ประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แหล่งข่าววงการคริปโตอีกรายกล่าวว่า ประเด็นความผิดที่เกิดขึ้น โดยส่วนตัวคงไม่สามารถตอบแทน ก.ล.ต. ได้ว่ารายละเอียดเกิดจากสาเหตุอะไร ซึ่งจากกฎเกณฑ์ที่ระบุไว้ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ ก.ล.ต. ว่าการกระทำนั้นๆ มีความผิดหรือไม่มีความผิด
อย่างไรก็ตาม การออกประกาศของ ก.ล.ต. ในระยะหลังก็มักจะเกี่ยวข้องกับ Bitkub ค่อนข้างมาก อย่างกรณีห้ามโฆษณาคริปโตเคอร์เรนซีในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งก่อนหน้านี้จะเห็นว่า Bitkub ทุ่มโฆษณาค่อนข้างมาก แต่ในขณะเดียวกัน ก.ล.ต. ยังมองว่าบริษัทต่างๆ ควรจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบ เพื่อรองรับลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นเสียก่อน
ทีมข่าว THE STANDARD WEALTH ได้สอบถามไปยังสำนักงาน ก.ล.ต. ว่า กรณีความผิดของ Bitkub มีความเสี่ยงที่เหรียญ KUB จะขาดคุณสมบัติจนถูกถอดออกจากกระดานเทรดของ Bitkub มากน้อยแค่ไหน สำนักงาน ก.ล.ต. ชี้แจงว่า ต้องรอให้ทางบริษัทแจ้งมาก่อนว่าจะดำเนินการแก้ไขในเรื่องที่ ก.ล.ต. ได้ระบุเอาไว้อย่างไร หลังจากนั้นทางสำนักงาน ก.ล.ต. จึงจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ดังนั้นเรื่องนี้ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด!
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP