จิล ไบเดน สตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ เดินทางเข้าพบ โอเลนา เซเลนสกี ภริยาของผู้นำยูเครน ในขณะที่สหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อรัสเซีย
ภริยาของสองผู้นำได้พบปะกันที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองอูจโกรอด ซึ่งปัจจุบันถูกใช้เป็นสถานที่พักพิงสำหรับประชาชนที่ต้องลี้ภัยสงคราม และถือเป็นครั้งแรกที่ภริยาของเซเลนสกีได้ออกมาแสดงตัวต่อสาธารณชน หลังจากที่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
จิล ไบเดน กล่าวว่า เธอเลือกเดินทางมาเยือนยูเครนเพราะต้องการแสดงให้เห็นว่า “ประชาชนชาวอเมริกันพร้อมยืนหยัดเคียงข้างชาวยูเครน” ทั้งยังได้กล่าวประณามสงครามที่กินเวลามาถึง 3 เดือนว่า “เป็นสิ่งที่โหดเหี้ยม” และต้องยุติลงโดยเร็ว
ด้าน โอเลนา เซเลนสกี กล่าวชมว่า ภริยาของผู้นำสหรัฐฯ มีความกล้าหาญอย่างมากที่เลือกเดินทางมายังยูเครนในช่วงเวลาที่สงครามกำลังคุกรุ่น นอกจากนี้การที่ จิล ไบเดน เดินทางมายูเครนในช่วงวันแม่ของประเทศ นับเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่มีความหมายอย่างยิ่ง
“ดิฉันสัมผัสได้ถึงความรักและการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ในวันสำคัญเช่นนี้” โอเลนา เซเลนสกี กล่าว
จากนั้นสองสตรีหมายเลขหนึ่งได้ร่วมเล่นและหยอกล้อกับเหล่าเด็กๆ ที่พักอาศัยอยู่ ณ โรงเรียนแห่งดังกล่าว พร้อมกันนี้ยังได้จัดทำตุ๊กตาหมีกระดาษ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองอีกด้วย
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อรัสเซีย หลังจากที่บรรดาผู้นำกลุ่มประเทศสมาชิก G7 ได้หารือกับ โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ผ่านทางวิดีโอลิงก์ โดยการคว่ำบาตรนี้รวมถึงการควบคุมวีซ่าของชาวรัสเซียและเบลารุสรวมกว่า 2,000 คน เพื่อกดดันให้รัสเซียยอมล้มเลิกปฏิบัติการทางทหารในยูเครน
นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังได้สั่งคว่ำบาตรสถานีโทรทัศน์ของรัสเซีย 3 แห่ง และผู้บริหารของ Gazprombank อีก 27 ราย ขณะที่ผู้นำกลุ่ม G7 ได้ให้คำมั่นที่จะยกเลิกใช้น้ำมันหรือแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียด้วยเช่นกัน พร้อมออกแถลงการณ์ประณามปูตินว่า “การกระทำของเขาถือเป็นความอัปยศของรัสเซีย”
ขณะเดียวกัน จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา และโฆษกรัฐสภาเยอรมนี ก็ได้เดินทางมาเยือนยูเครน โดยทรูโดเปิดเผยว่า แคนาดาได้จัดส่งอาวุธและอุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆ มาช่วยสนับสนุนกองกำลังยูเครนเพิ่มเติม อีกทั้งยังได้ออกมาตรการคว่ำบาตรระลอกใหม่ต่อชาวรัสเซียและบริษัทต่างๆ
“ปูตินต้องตระหนักเสียทีว่า ชาติตะวันตกมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าและมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะต่อต้านการกระทำของรัสเซีย” ทรูโดให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Reuters “การก่อสงครามที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการยกระดับความรุนแรงของสงครามด้วยการบุกโจมตียูเครนอย่างไม่ลดละ บีบให้เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะเขาให้ได้”
ด้านสหภาพยุโรปอยู่ระหว่างการพิจารณาออกมาตรการคว่ำบาตรรอบที่ 6 ในขั้นสุดท้าย แต่ขณะนี้ก็ยังไม่สามารถหาฉันทามติได้ในหลายประเด็น โดยเฉพาะในเรื่องการทยอยแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย เนื่องจากชาติในยุโรปมีความเห็นที่แตกต่างกัน และไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถเลิกพึ่งพาแหล่งพลังงานจากรัสเซียได้เร็วแค่ไหน โดยปัจจุบันยุโรปต้องนำเข้าพลังงานจากรัสเซียคิดเป็นสัดส่วนมากถึงราว 40% ของจำนวนทั้งหมด และฮังการีเป็นหนึ่งในชาติที่ออกโรงคัดค้านมาตรการดังกล่าว
ภาพ: Susan Walsh / POOL / AFP
อ้างอิง: