ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา (CDC) เปิดเผยเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นว่า สหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนก H5 รายแรกของประเทศที่รัฐโคโลราโด โดยบุคคลผู้นี้มีผลตรวจพบไวรัสไข้หวัดนก A (H5) เป็นบวก และเกี่ยวข้องในการคัดแยกสัตว์ปีกที่สันนิษฐานว่าเป็นไข้หวัดนก H5N1
อย่างไรก็ตาม CDC ยืนยันว่ากรณีนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงผลการประเมินความเสี่ยงของมนุษย์สำหรับประชาชนทั่วไป ซึ่ง CDC ถือว่ายังมีความเสี่ยงต่ำ
CDC ยังเผยว่าผู้ติดเชื้อรายนี้รายงานว่ามีอาการเดียวเท่านั้น คืออาการอ่อนเพลียเป็นเวลา 2-3 วันและก็หายดีแล้ว พร้อมเสริมว่าบุคคลดังกล่าวกำลังถูกกักตัวและรับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ ส่วนคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการคัดแยกสัตว์ปีกในโคโลราโดมีผลการทดสอบการติดเชื้อไวรัส H5 เป็นลบ แต่พวกเขากำลังถูกทดสอบซ้ำด้วยความรอบคอบอย่างยิ่ง
ไวรัส H5N1 ถูกพบในกลุ่มนกเชิงพาณิชย์และนกที่เลี้ยงใน 29 รัฐ และกลุ่มนกป่าใน 34 รัฐ นับตั้งแต่ CDC เริ่มติดตามการเจ็บป่วยในหมู่ผู้ที่สัมผัสกับไวรัสในปลายปี 2021
CDC ระบุว่าในภาพรวมของทั่วโลก กรณีนี้ถือเป็นผู้ติดเชื้อรายที่ 2 ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสกลุ่ม H5 ที่กำลังแพร่ระบาดเป็นหลักในปัจจุบัน ส่วนผู้ติดเชื้อรายแรกนั้นมีการรายงานในสหราชอาณาจักรในเดือนธันวาคม 2021 ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการและได้เลี้ยงนกที่ติดเชื้อไวรัส H5N1
ทั้งนี้ CDC ระบุว่า ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2003 มีรายงานการติดเชื้อไวรัส H5N1 ในมนุษย์ทั่วโลกมากกว่า 880 ราย อย่างไรก็ตาม ไวรัส H5N1 ที่กำลังระบาดเป็นหลักในนกทั่วโลกปัจจุบันนี้แตกต่างจากไวรัส H5N1 ก่อนหน้านี้
CDC ยังอธิบายว่า ไวรัส H5N1 จะอยู่ในน้ำลาย เมือก และอุจจาระของนกที่ติดเชื้อ และการติดเชื้อไวรัส H5N1 ในคนก็พบได้ยาก อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อในมนุษย์สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมีไวรัสเข้าตา จมูก หรือปากของบุคคลมากพอ หรือถูกสูดหายใจเข้าไป ขณะที่การแพร่กระจายของไวรัส H5N1 ในช่วงก่อนหน้านี้จากผู้ติดเชื้อรายหนึ่งไปสู่การสัมผัสใกล้ชิดในอดีตเกิดขึ้นน้อยมาก และไม่ได้นำไปสู่การแพร่กระจายจากคนสู่คนอย่างยั่งยืน
ภาพ: Jarun Ontakrai / Shutterstock
อ้างอิง: