Bubble คือภาพยนตร์อนิเมะเรื่องล่าสุดจาก WIT Studio ที่ได้รับเลือกให้เข้าฉายในงาน The 72nd Berlin International Film Festival โดยได้ เท็ตสึโระ อารากิ จากอนิเมะยอดฮิตอย่าง Attack on Titan Season 1-3 มานั่งแท่นผู้กำกับ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อจู่ๆ ได้มีฟองสบู่ปริศนาตกลงมายังโตเกียวและทำให้แรงโน้มถ่วงของเมืองเริ่มแปรปรวน จนส่งผลให้โตเกียวกลายเป็นเมืองร้างที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และเปลี่ยนเป็นสนามแข่งขันปาร์กัวร์ หรือการแข่งวิ่ง Free Running ของเหล่าวัยรุ่นที่แอบลักลอบเข้ามาในเมือง
วันหนึ่ง ฮิบิกิ หนึ่งในสมาชิกทีมบลูเบลซที่มีสกิลการปีนป่ายอันโดดเด่น ดันพลัดตกลงไปในทะเลที่แรงโน้มถ่วงบิดโค้ง แต่เขาก็ได้ อูตะ หญิงสาวปริศนาช่วยชีวิตเอาไว้ ฮิบิกิจึงพาอูตะมาเข้าร่วมทีมของตัวเอง และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่จะพาฮิบิกิและผองเพื่อนต้องไปพัวพันกับเหตุการณ์ปริศนา
สำหรับคออนิเมะที่เคยชม Attack on Titan Season 1-3 ที่ผลิตโดย WIT Studio มาก่อน เชื่อว่าทุกคนน่าประทับใจกับฉากแอ็กชันของเหล่าหน่วยสำรวจที่ผสมผสานงานภาพ 2D และ 3D เข้ากับมุมกล้องเท่ๆ ออกมาได้อย่างตื่นตาตื่นใจ
สำหรับผลงานครั้งนี้ ทาง WIT Studio ก็ยังคงสร้างสรรค์ฉากแอ็กชันสุดผาดโผนออกมาได้โดดเด่นไม่แพ้กัน ทั้งฉากการแข่งขัน Free Running ของฮิบิกิและผองเพื่อนที่กระโดดข้ามตึกร้างและสิ่งกีดขวางต่างๆ โดยมีฉากหลังเป็นทิวทัศน์ของเมืองโตเกียวที่ล่มสลาย
ซึ่งองค์ประกอบข้อหนึ่งที่เสริมให้งานภาพของ Bubble มีมิติมากๆ คือแสงและเงาที่ช่วยขับเน้นให้รายละเอียดต่างๆ งดงามยิ่งขึ้น ทั้งแสงที่สะท้อนผ่านฟองสบู่ที่ลอยอยู่บนอากาศ และแสงเงาที่ทำให้ท้องฟ้าและทะเลภายในเรื่องมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม
อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่เราชื่นชอบมากๆ คือดนตรีประกอบจากปลายปากกาของ ฮิโรยูกิ ซาวาโนะ ที่ใช้เสียงดนตรีในการพาผู้ชมเข้าสู่โลกเหนือจินตนาการ และยังช่วยขับเน้นให้ความงดงามของงานภาพมีมนตร์เสน่ห์มากขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ภายใต้งานภาพที่งดงามและดนตรีประกอบชวนหลงใหล Bubble กลับมีจุดด้อยสำคัญในแง่ของเนื้อเรื่องที่คลุมเครือ และเรื่องราวของตัวละครที่ไร้มิติ
กล่าวคือ แม้ว่า Bubble จะมีฉากเปิดเรื่องที่สะดุดตาและปมปัญหาที่ชวนให้เราอยากหาคำตอบ แต่เมื่อเรื่องราวของฮิบิกิและอูตะดำเนินไปถึงจุดหนึ่ง ภาพยนตร์กลับไม่ได้หยิบประเด็นที่ถูกปูเอาไว้ช่วงต้นเรื่องมาขยายเพิ่มเติม เช่น การแข่งขันปาร์กัวร์มีความสำคัญอย่างไรต่อการดำเนินชีวิตของเหล่าเด็กกำพร้า หรือสาเหตุที่แท้จริงของปรากฏการณ์ฟองสบู่ที่ไม่ได้อธิบายให้เราเข้าใจอย่างชัดเจน
นอกจากประเด็นต่างๆ ที่ถูกเล่าออกมาอย่างคลุมเครือแล้ว เรื่องราวของตัวละครแต่ละตัวก็ถูกนำเสนอให้เรารู้จักเพียงผิวเผินเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของสมาชิกทีมบลูเบลซที่ไม่ได้มีการปูเบื้องหลังตัวละครให้เราได้รู้จักมากนัก โดยเฉพาะบทบาทของ มาโกโตะ นักวิทยาศาสตร์สาวที่ดูเหมือนว่ากำลังทำการทดลองเพื่อตามหาความจริงบางอย่าง แต่ภาพยนตร์กลับไม่ได้ขยายเรื่องราวของมาโกโตะมากไปกว่านั้น ไปจนถึงความสัมพันธ์ของสองตัวละครหลักอย่างฮิบิกิและอูตะที่ดูจะเรียบง่ายเกินไป จนไม่ทำให้เราอยากติดตามและเอาใจช่วยให้พวกเขาข้ามผ่านปมปัญหาอย่างที่ควรจะเป็น
ในภาพรวมแล้ว Bubble ถือเป็นภาพยนตร์อนิเมะจากฝีมือของ WIT Studio ที่โดดเด่นมากๆ ในแง่ของงานภาพและดนตรีประกอบที่ถูกสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างตื่นตาตื่นใจและชักชวนให้หลงใหลไปกับโลกที่พวกเขาสร้างขึ้น แต่ภาพยนตร์ก็มีจุดด้อยสำคัญในแง่ของเนื้อเรื่องที่ไม่ได้ขยายประเด็นที่ถูกปูเอาไว้ให้เราเข้าใจอย่างชัดเจน รวมถึงเรื่องราวของตัวละครที่ยังขาดเสน่ห์ และไม่สามารถชักชวนให้เราอยากเอาใจช่วยพวกเขาได้มากพอ
สามารถรับชม Bubble ได้แล้ววันนี้ ทาง Netflix
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่
ภาพ: Netflix