×

จัดพอร์ตเฟ้น ‘กองทุนรวม’ อย่างไรให้รอดในวันที่เศรษฐกิจผันผวน

24.04.2022
  • LOADING...
กองทุนรวม

ต้องยอมรับว่าการลงทุนในปี 2565 ไม่ใช่เรื่องง่าย จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงทางด้านสุขภาพของคนทั้งโลก ทำให้ความหวังที่จะเห็นเศรษฐกิจเติบโตภายหลังโควิดและทำให้พอร์ตการลงทุนมีกำไรสูงๆ อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะเมื่อลองกางภาพใหญ่เราจะพบ ‘3 ห่วง’ แห่งความกังวล คือ

 

ห่วงแรก คือทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักแบบตึงตัว ดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจมีการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรง เพื่อสกัดเงินเฟ้อไม่ให้เร่งตัวมากจนเกินไป โดยมีการคาดการณ์กันว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในทุกการประชุมที่เหลือของปีนี้ ทำให้ปีนี้น่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยราวๆ 1.75-2.00% ในปีนี้ และจะปรับขึ้นอีก 3 ครั้ง ในปีหน้า สู่ระดับ 2.50-2.75% พร้อมทั้งส่งสัญญาณการปรับลดขนาดงบดุลทางการเงิน (Quantitative Tightening) ในอัตราเดือนละ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเริ่มในเดือนพฤษภาคมนี้

 


 

บทความที่เกี่ยวข้อง

 


 

ห่วงสอง คือวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนยังมีความไม่แน่นอนสูง หากสถานการณ์สงครามและการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากประชาคมโลกมีแนวโน้มแพร่ขยาย ยืดเยื้อ และรุนแรงขึ้น จะส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะราคาพลังงานและอาหารเร่งตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ห่วงสุดท้าย คืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศ Emerging Markets ที่ Sensitive ต่อเงินเฟ้อ เช่น บราซิล ตุรกี ยังอยู่ในระดับสูงและมีความเสี่ยงอยู่มาก โดยเฉพาะรัสเซีย ขณะที่ Asian Bond Yields ยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก เนื่องจากการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อยังไม่น่ากังวล จึงส่งผลให้ไม่มีแรงกดดันให้ธนาคารกลางต้องรีบขึ้นดอกเบี้ย

 

นักลงทุนจึงจำเป็นต้องวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ เพื่อกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น เช่น เดิมเคยลงทุนเน้นแต่กองทุนหุ้น Growth อาจจะต้องหันกลับมามองกองทุนหุ้น Value กองทุนสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมัน ทองคำ สินค้าอุปโภคบริโภค และพลังงานทดแทน เป็นต้น หรืออาจลงทุนผ่านกองทุน SCBCIO (กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Cross Asset Investment Opportunity) ที่เป็นกองทุนผสม สามารถปรับเปลี่ยนพอร์ตตามสภาวะตลาด ผ่านการลงทุนในกองทุนรวมและสินทรัพย์ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามและปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับภาวะตลาด และเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกองทุน

 

ทาง บลจ. จึงได้แต่งตั้งให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีประสบการณ์จากการทำ Open Architecture ครอบคลุมหลากหลายกองทุนครบทุกประเภทสินทรัพย์จากหลายบริษัทจัดการกองทุนในไทยเป็นที่ปรึกษาการลงทุน ในการแนะนำกองทุนที่บริหารจัดการโดย บลจ. ต่างๆ เพื่อให้กองทุน SCBCIO เป็นกองทุน ONE-Stop Fund ที่สามารถปรับเปลี่ยนพอร์ตได้แบบไร้ข้อจำกัด เพื่อสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายและกรอบความเสี่ยงที่วางไว้

 

โดยปัจจุบันมี 5 กลยุทธ์สำคัญที่สอดรับกับสถานการณ์ คือ

 

1. เน้นถือสินทรัพย์สภาพคล่อง เพื่อรอทยอยลงทุนในตลาดหุ้น

เนื่องจากสถานการณ์วิกฤตยูเครนที่มีความไม่แน่นอนสูง ประกอบกับ Bond Yield ใน Develop Market ที่มีแนวโน้มทยอยเพิ่มสูงขึ้น จะทำให้สินทรัพย์เสี่ยงส่วนใหญ่เคลื่อนไหวผันผวน

 

2. ระมัดระวังการลงทุนในหุ้นกู้ต่างประเทศ

เลี่ยงการลงทุนตราสารหนี้ในกลุ่ม High Yield ของประเทศจีน ที่มีความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เลี่ยงการลงทุนตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย และระมัดระวังการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารในยุโรป

 

3. คงสัดส่วนการลงทุนหุ้นกลุ่ม Growth ต่อ Value ที่ 50:50

โดยหุ้นกลุ่ม Quality Growth มีแนวโน้มทนทานต่อความผันผวนในตลาดการเงิน และกลุ่มยังมีงบการเงินที่แข็งแกร่ง ส่วนกลุ่ม Value มีแนวโน้มได้อานิสงส์จาก Bond Yield ที่เพิ่มขึ้น

 

4. จับจังหวะสะสมตลาดหุ้นไทยและเวียดนาม

ผลกระทบจากวิกฤตยูเครนต่อทั้ง 2 ประเทศ ยังมีจำกัด คาดว่าธนาคารกลางไทยและเวียดนามจะยังเน้นนโยบายที่กระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ผลกระทบต่อผลประกอบการน่าจะอยู่ในระดับที่จัดการได้ โดย Valuation ของตลาดเริ่มน่าสนใจมากขึ้น

 

5. ให้น้ำหนักการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์

เนื่องจากเป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่ราคามีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นตามความกังวลต่อวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน และเป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้น (Inflation Hedge)

 

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเฟ้นหากองทุนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองจะช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ไม่มีเวลาติดตามสถานะพอร์ตลงทุนของตนเอง กองทุน SCBCIO ถือเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่มีการกระจายสินทรัพย์ (Asset Allocation) ที่เหมาะสม และมีการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างต่อเนื่องตามระดับความเสี่ยงและสถานการณ์ตลาดในขณะนั้น เปรียบเสมือนอาหารจาน Masterpiece ที่มีเชฟมืออาชีพคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุด ปรุงอย่างดีที่สุด เพื่อให้นักลงทุนได้ลิ้มรสชาติความกลมกล่อมของผลตอบแทนที่พึงพอใจ

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X