ไม่นานมานี้ เรามีโอกาสเดินทางมาเยือน ‘Sanan Bakery (สนั่นเบเกอรี่)’ คาเฟ่แห่งใหม่ในตลาด อ.ต.ก. ซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่นาน แต่เต็มไปด้วยมนตร์ขลังความอร่อยจากเหล่าขนมอบที่สืบทอดส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น กับบรรยากาศร้านที่อบอุ่น ละมุนใจเป็นที่สุด
ชื่อของ ‘สนั่นเบเกอรี่’ เป็นที่รู้จักของคนไทยมายาวนานร่วมกว่า 60 ปี ในฐานะร้านเบเกอรีแบบไทยๆ เจ้าแรกๆ ที่กล้าลุกขึ้นมาลุยตลาดขนมอบในกรุงเทพฯ ประเทศไทย การันตีความอร่อยโดย คุณตาสนั่น บุณยรัตพันธ์ ผู้ปลุกปั้นตำนานความอร่อยและความใส่ใจ ก่อนจะส่งไม้ต่อให้กับลูกชายคนเล็ก น้าอ๊อด-ภูมิพัฒน์ บุณยรัตพันธ์
เรื่อยมาจนถึงล่าสุด ที่ทายาทรุ่นที่ 3 ของคุณตาสนั่น นำโดย มะเหมี่ยว-จารุภัส ตังควัฒนกุล, มิว-พนิตตา ตังควัฒนกุล ทายาท และอ้อม-จิรันตน์ เลิศพิทักษ์พงศ์ ได้ขออาสาหยิบความอร่อยจากวันวานมาพลิกโฉมให้สนุก สดใหม่ หวือหวาขึ้นกว่าเดิม ด้วยการรีแบรนด์และจับสนั่นเบเกอรี่มาอยู่ในรูปลักษณ์ของคาเฟ่กระท่อมขนมปัง
อ้อม-จิรันตน์ เลิศพิทักษ์พงศ์ (ซ้าย) และมะเหมี่ยว-จารุภัส ตังควัฒนกุล (ขวา) ทายาทรุ่นที่ 3 ของคุณตาสนั่น
“เราอยากนำขนมอบ เบเกอรีแบบโบราณที่หาทานได้ยาก เป็นเอกลักษณ์ของสนั่นเบเกอรี่ตั้งแต่อดีตมาเสิร์ฟให้กับกลุ่มลูกค้า วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ ด้วยความใส่ใจ ความอร่อย และความปรารถนาดี” จารุภัส หนึ่งในทายาทรุ่นที่ 3 ของสนั่นเบเกอรี่บอกกับเรา
แน่นอนว่าสนั่นเบเกอรี่ไม่ได้มีดีแค่การออกแบบตกแต่งร้านที่มีมุมถ่ายรูปแสนเก๋ตามฉบับคาเฟ่สมัยนิยมเท่านั้น เพราะรสชาติของเบเกอรีทุกชิ้น เครื่องดื่มทุกแก้วที่สนั่นเบเกอรี่นำเสนอออกมาก็ดีต่อใจ ชุบชูความรู้สึก ประหนึ่งว่าได้นั่งไทม์แมชชีนหวนกลับไปนึกถึงความสุขของวันวานเมื่อครั้งได้ลิ้มชิมรสความอร่อยของเบเกอรีสมัยเยาว์วัยในทุกๆ ครั้งที่ได้ลิ้มรสขนมและดื่มด่ำกับเครื่องดื่มของร้านแห่งนี้อย่างไรอย่างนั้น
บรรยากาศภายในร้าน
ที่สำคัญ ด้วยความที่ตัวผู้เขียนเองไม่ได้เป็นคนที่นิยมรับประทานรสหวานจัดสักเท่าไร เมื่อมาเจอขนมแต่ละชิ้นของสนั่นเบเกอรี่แล้วต้องบอกว่าตรงจริตเลย เพราะที่นี่จะไม่ได้เน้นรสชาติที่หวานจัด แต่เป็นความหวานในระดับที่คาบเกี่ยวระหว่างหวานธรรมดาและหวานน้อย เรียกง่ายๆ ว่าเป็นหวานแบบพอดีๆ ด้วยความที่ทางร้านเข้าใจบริบทรสนิยมการรับประทานหวานของผู้คนในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยมากเบเกอรีที่สนั่นจะเน้นกลุ่มขนมอบและพายเป็นหลัก ซึ่งเป็นเมนูที่พัฒนาสูตรและสืบทอดมาจากคุณตาสนั่น เต็มไปด้วยความจริงใจ รับประทานง่าย (แต่ทำไม่ง่ายเลย) และบางส่วนก็เป็นเบเกอรีสมัยนิยม อาทิ ชิโอะปัง ครอฟเฟิล ฯลฯ
โคนครีม ซิกเนเจอร์เมนูของร้าน ที่หารับประทานได้ยากมากๆ
เมนูเบเกอรีที่เป็นซิกเนเจอร์ของสนั่นเบเกอรี่ ต้องยกให้ โคนครีม (45 บาท) พายแบบแท่งโคนเกลียวสอดไส้ด้วยครีมคัสตาร์ดสุดพิเศษ หอมหวานแบบไม่ทำร้ายสุขภาพ เข้ากันได้ดีลงตัวแบบสุดๆ โดยน้าอ๊อดแอบกระซิบบอกกับเราว่า โคนครีมเป็นเมนูที่มีความหมายกับสนั่นเบเกอรี่มาก เพราะเป็นขนมชิ้นแรกที่คุณตาสนั่นทำออกมาในวันที่ทำเบเกอรีเป็น
ยิ่งไปกว่านั้น กระบวนการขั้นตอนต่างๆ ในการทำโคนครีมขึ้นมาสักชิ้นก็ยังเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะหากไม่ระมัดระวังมากพอ ทำออกมาได้ไม่ดี ตัวโคนแท่งก็จะหักได้ ทำให้ร้านเบเกอรีส่วนใหญ่ในปัจจุบันจึงไม่นิยมทำกัน (แท่งแม่พิมพ์ที่ใช้ในการขึ้นรูปตัวโคนของทางร้านใช้สืบทอดแบบทะนุถนอมกันมาตั้งแต่รุ่นของคุณตาสนั่น!) เห็นจะมีก็แค่สนั่นเท่านั้นแหละที่ยังอบออกจากเตาร้อนๆ ทำออกมาต่อเนื่องกว่า 6 ทศวรรษ
พายสตาร์ (ซ้าย) และแพตตี้ (ขวา) พายสับปะรดสองรูปแบบ กับรสสัมผัสที่แตกต่างกัน
พายสตาร์ (50 บาท) และแพตตี้ (60 บาท) พายสับปะรดทั้งสองรูปแบบ แตกต่างกันด้วยหน้าตา รสสัมผัส เนื้อสับปะรดกวนด้านใน และกรรมวิธีในการอบความอร่อย พายสตาร์จะมีหน้าตาเหมือนดาว ตัวพายเป็นพายแบบกรอบ เนื้อสับปะรดกวนด้านในจะมีความเหนียวหนึบเล็กน้อย
ส่วนแพตตี้จะเป็นพายแบบเนื้อนุ่ม อย่างที่บอกว่ากรรมวิธีการอบที่แตกต่างกัน จึงทำให้ไส้สับปะรดกวนของแพตตี้มีความวานชุ่มฉ่ำกว่า ตักทานเต็มคำเข้าปาก ลงตัวอย่าบอกใคร เมื่อเทียบกับสตาร์ ส่วนตัวผู้เขียนแอบปันใจให้แพตตี้มากกว่า
พายไก่สูตรพิเศษโดยคุณยายแตงอ่อน ที่น้าอ๊อดบอกว่า เป็นพายไก่สูตรที่เน้นรสชาติแบบไทยๆ
พายไก่ (70 บาท) หรือ Chicken Puff เบเกอรีลูกผสมกึ่งคาวหวาน เนื้อซอสครีมขาวอมหวานสูตรพิเศษของคุณยายแตงอ่อน ภรรยาของคุณตาสนั่น ที่น้าอ๊อดบอกว่าเป็นพายไก่ฉบับที่เน้นรสชาติแบบไทยๆ ไส้ด้านในอัดแน่นไปด้วยเนื้อไก่ แครอต มัน เหมาะรับประทานรองท้องช่วงสายของวัน
Spinach Quiche หรือพายผักโขมอบชีส เสิร์ฟแบบร้อนๆ ถาดต่อถาด ชิ้นต่อชิ้น
ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งเมนูที่สนั่นเบเกอรี่ภูมิใจนำเสนอ Spinach Quiche หรือคิชผักโขม (150 บาท) ความพิเศษของเมนูนี้คือการเป็นพายผักโขมอบชีสชิ้นโต เนื้อพายด้านนอกถูกอบจนกรอบ ลงตัวและเข้ากันได้ดีมากๆ เมื่อบรรจงลงมีดหั่นชิ้นพอดีคำ รับประทานคู่กับไส้ผักโขมชีสที่อุดมไปด้วยเครื่องเทศ ลูกจันทน์ และลดความจำเจด้วยลูกเล่นเนื้อเบคอนที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน อร่อยแปลกลิ้นไปอีกแบบ แม้จะมีราคาต่อชิ้นสูงกว่าใครเพื่อน แต่ก็พอเข้าใจได้เมื่อวัดจากคุณภาพของวัตถุดิบ กรรมวิธีในการทำและรสชาติ
ตบท้ายด้วยเมนูเครื่องดื่มของที่ร้าน ซึ่งทั้งหมดถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาใหม่แบบ 100% จำแนกออกเป็น เมนูกาแฟ และเมนูน้ำโซดาผลไม้ เนื่องจากเดิมที สนั่นเบเกอรี่ในยุคของคุณตาสนั่นและน้าอ๊อดจะไม่ได้มีเมนูเครื่องดื่มรองรับลูกค้า แต่เมื่อตกทอดมาอยู่ในมือของทายาทรุ่นที่ 3 แล้ว พวกเขาและเธอจึงช่วยกันรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มเหล่านี้ออกมาเพิ่มความสนุก ดับกระหายให้กับลูกค้าที่เดินทางแวะเวียนมาที่ร้าน
Einspänner (ไอน์สแปนเนอร์) กาแฟเวียนนาสูตรพิเศษแบบสนั่น เนื้อครีมแบบโฮมเมด ละมุนลิ้นจนต้องห้ามใจไม่แบ่งคนที่มาด้วย
Einspänner (ไอน์สแปนเนอร์ 150 บาท) กาแฟเวียนนาสูตรพิเศษที่พนิตตาพัฒนา และต่อยอดในแบบของเธอเอง หลังได้แรงบันดาลใจจากคาเฟ่และเมนูโปรดของชาวเกาหลีใต้ ความพิเศษของกาแฟสเปเชียลตี้แก้วนี้ คือร้านใช้ฟองครีมนมที่ตีขึ้นมาเองแบบโฮมเมดโรยออนท็อปกาแฟเอสเพรสโซ
“แรงบันดาลใจมาจากที่เราชอบไปเที่ยวเกาหลี และพบว่าคนเกาหลีชอบดื่มกาแฟชนิดหนึ่ง ซึ่งภายหลังจากรีเสิร์ชก็พบว่ามันคือ ‘กาแฟเวียนนา (กาแฟผสมครีม)’ จริงๆ แล้วในไทยก็มีร้านที่ขายเมนูนี้อยู่ แต่ก็แค่จำนวนหนึ่ง เลยตัดสินใจนำมาพัฒนาต่อเพราะคิดว่าเป็นเมนูที่น่าจะสามารถเข้าถึงได้ทั้งคนรุ่นใหม่และคนรุ่นก่อน” พนิตตาเล่า
วิธีการรับประทานคือให้ตักเนื้อครีมเนื้อนุ่มเบาละมุนลิ้นข้างบนละเมียดรับประทานก่อน แล้วค่อยๆ บรรจงยกแก้วกระดก ลากกาแฟเอสเพรสโซทะลุผ่านเนื้อครีมด้านบนซดเข้าไป บอกเลยว่าความเข้มหอมของกาแฟ เข้ากับเนื้อครีมมัน หอมหวานได้ลงตัว คอกาแฟนมจะต้องหลงรักเมนูนี้แน่นอน (แม้แต่สายกาแฟอเมริกาโนอย่างเรายังแอบหลงรักแก้วนี้!)
ส่วนใครที่ไม่ถนัดงานกาแฟ ไม่ต้องน้อยใจไป ทางร้านยังมีอีกเมนูลูกพี่ลูกน้องอย่าง Messy Matcha (160 บาท) ที่หน้าตาคล้ายกับ Einspänner แตกต่างกันตรงที่เปลี่ยนจากเอสเพรสโซมาใช้เบสเป็นมัทฉะแทน ให้ความมัน นัว หอม อร่อย ไม่แพ้กัน
ค่อยๆ ละเมียดตักเนื้อครีมด้านบนรับประทาน อร่อยแบบไม่เผื่อแผ่ใคร
อ้อ ลืมบอกไปว่า ทางร้านจะเน้นใช้เมล็ดกาแฟสูตร House Blend คั่วกลางเป็นหลัก เพราะให้รสสัมผัสและกลิ่นที่ออกฟรุตตี้หน่อยๆ มีความสดชื่นลงตัว และตอบโจทย์คนรักกาแฟแทบทุกกลุ่ม
Iced Caramel Macchiato ใช้ซอสคาราเมลกวนเอง สูตรพิเศษของร้าน
อีกหนึ่งเมนูกาแฟที่เราเลือกมาต้องยกให้ Iced Caramel Macchiato (120 บาท) ความพิเศษคือ ซอสคาราเมลที่ใช้เป็นซอสที่ร้านกวนขึ้นมาเองแบบวันต่อวัน เพื่อคงความสดและรสชาติที่ดีที่สุด ตัวซอสหอมหวานละมุน เข้มข้น เข้าถึงความเป็นคาราเมลแบบไม่ประนีประนอม ใครชอบ Caramel Machiato เป็นทุนเดิม มาสนั่นเบเกอรี่ต้องห้ามพลาดแก้วนี้
Summer Berry (ซ้าย) และ Flizzy Citrus (ขวา) สองเมนู Sparkling Soda ซาบซ่า สดชื่น ดับร้อน
ตัดรสเพิ่มความซาบซ่าท้าไอร้อนด้วยเมนูกลุ่ม Sparkling Soda กันเสียหน่อย เริ่มที่ Summer Berry (120 บาท) กับส่วนผสมของ Wild berry เบอร์รีป่าที่ให้รสสัมผัสและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เสริมความสดชื่นด้วยความเปรี้ยวอมหวานจากเลมอน บอกเลยว่าแก้วนี้เป็นเมนูที่พิเศษและสนุกมาก สมกับความตั้งใจของจิรันตน์และพนิตตา สองทายาทของคุณตาสนั่นที่อยากให้ Summer Berry มีเลเยอร์ของรสชาติและกลิ่นที่วาไรตี้ สนุก ในทุกๆ ครั้งที่หยิบแก้วขึ้นมาดื่ม และพากันทายว่าส่วนผสมของมันคืออะไรกันแน่!
ปิดท้ายด้วย Flizzy Citrus (140 บาท) Seasoning Menu ที่คิดค้นขึ้นมาด้วยความมหัศจรรย์โดยบาริสต้า วางขายเฉพาะแค่ช่วงหน้าร้อนนี้เท่านั้น
ตัวเบสเป็นน้ำส้มผสมน้ำผึ้ง ใช้แยมส้มซีทรอน (ส้มยูซุเชื่อมน้ำผึ้ง) เข้ามาช่วยยกระดับกลิ่นหอมให้คละคลุ้งอบอวลมากย่ิงขึ้น เลือกใช้เลมอนฝานบางหั่นชิ้นเล็กๆ เข้าไปผสมในตัวน้ำ เพิ่มเท็กซ์เจอร์ความสนุกให้เราได้ขบเคี้ยวในทุกครั้งที่ดูดน้ำ ออนท็อปด้วยเลมอนเชื่อมของร้าน แก้วนี้สดชื่นแบบเหนือความคาดหมาย ดีต่อใจ ดับกระหายได้หายห่วง
มุมขายของร้านที่เจาะหน้าต่างเป็นรูปขนมปัง ตัวร้านมีทั้งโซนอินดอร์และเอาต์ดอร์ให้เลือกนั่ง กว้างขวาง
Sanan Bakery (สนั่นเบเกอรี่)
Address: 101 ถนนพหลโยธิน (หลังตลาด อ.ต.ก. ติดประตู 4) / (มีให้สั่งใน LINE MAN และ Robinhood ด้วย)
Open: เปิดให้บริการวันพฤหัสบดี-อังคาร เวลา 07.00-18.00 น.
Budget: เริ่มต้น 200-300 บาท
Contact: 08 5966 4987
Web: www.facebook.com/sananbakery1968
Map:
- โลโก้มาสคอตเด็กผู้ชายในชุดเชฟเบเกอรีถือถ้วยที่มีเลข 276 เป็นโลโก้ที่วาดมือ ออกแบบขึ้นโดยคุณตาสนั่น โดยตัวเลข 276 คือจำนวนเงินที่ได้จากการขายเบเกอรีครั้งแรกในชีวิต ก่อนที่ทั้งหมดจะถูกนำมาปรับ คลีน ลดทอนรายละเอียดบางอย่าง และเพิ่มลูกเล่นบางอย่างโดยกลุ่มทายาทรุ่นที่ 3 ให้มีความทันสมัยมากขึ้น