ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวว่า ทุกคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์โจมตีสถานีรถไฟในเมืองครามาทอร์สก์ แคว้นโดเนตสก์ จะต้องรับผิดชอบ
“นี่เป็นอาชญากรรมสงครามอีกครั้งหนึ่งของรัสเซีย ซึ่งทุกคนที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบ” ผู้นำยูเครนกล่าวผ่านวิดีโอเมื่อคืนวันศุกร์ (8 เมษายน) “เราคาดหวังว่าจะมีการตอบโต้อย่างเฉียบขาดในระดับโลกต่ออาชญากรรมสงครามครั้งนี้”
เซเลนสกียืนยันรายงานก่อนหน้านี้จากหัวหน้าฝ่ายบริหารการทหารในแคว้นโดเนตสก์ว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 คนจากการโจมตีสถานีรถไฟด้วยขีปนาวุธ ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 5 คน ซึ่งในขณะเกิดเหตุพลเรือนกำลังใช้สถานีรถไฟแห่งนี้เพื่อพยายามหลบหนีการสู้รบ
“เช่นเดียวกับการสังหารหมู่ในเมืองบูชา เช่นเดียวกับอาชญากรรมสงครามอื่นๆ ของรัสเซีย การโจมตีครามาทอร์สก์ด้วยขีปนาวุธ จะต้องเป็นหนึ่งในคำฟ้องที่ถูกนำขึ้นศาล” เขากล่าว
ประธานาธิบดียูเครนกล่าวว่า ‘ความพยายามทั้งหมดของโลก’ จะทำให้พิสูจน์ได้แบบนาทีต่อนาทีว่า ‘ใครทำอะไร ใครเป็นผู้ออกคำสั่ง จรวดมาจากไหน ใครเป็นผู้สั่งการ และประสานงานการโจมตีอย่างไร’
“ความรับผิดชอบเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” เซเลนสกีกล่าว และเสริมว่า รัสเซียพยายามชวนเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นฝีมือของกองกำลังติดอาวุธของยูเครน
ก่อนหน้านั้นในคืนวันเดียวกัน ผู้นำยูเครนได้แถลงต่อรัฐสภาของฟินแลนด์ โดยเซเลนสกีกล่าวว่า “ทหารรัสเซียโจมตีสถานีรถไฟ ซึ่งมีพยาน มีวิดีโอ มีเศษขีปนาวุธ และศพผู้เสียชีวิต
“ผู้คนรอรถไฟกันอย่างเนืองแน่นที่สถานีแห่งนี้ เพื่ออพยพไปยังดินแดนที่ปลอดภัย ทำไมพวกเขาต้องโจมตีพลเรือนด้วยขีปนาวุธ ทำไมจึงช่างโหดร้ายที่โลกได้เป็นประจักษ์พยานความโหดร้ายนี้ในเมืองบูชาและเมืองอื่นๆ ที่ได้รับการปลดปล่อยโดยกองทัพยูเครน” เซเลนสกีกล่าวต่อรัฐสภาฟินแลนด์
ทั้งนี้ เมืองครามาทอร์สก์ ทางตะวันออกของยูเครนนั้น เป็นหนึ่งในสถานที่แรกๆ ที่ตกเป็นเป้าโจมตีของกองทัพรัสเซียตั้งแต่เปิดฉากการรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ โดยตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชาวยูเครนใช้สถานีรถไฟในเมืองนี้เพื่ออพยพหนีการสู้รบในภูมิภาค
นายกเทศมนตรีระบุว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนเดินทางไปที่สถานีรถไฟแห่งนี้เพื่ออพยพมากถึงราว 8,000 คนต่อวัน และมีคนมากถึง 4,000 คน เมื่อเกิดเหตุขีปนาวุธโจมตี
ภาพ: Maxym Marusenko / NurPhoto via Getty Images
อ้างอิง: