วันนี้ (22 มีนาคม) นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวงและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้มีการนำคลิปการแถลงข่าวของ สธ. เกี่ยวกับการชะลอฉีดวัคซีน AstraZeneca ในประเทศไทยมาส่งต่ออีกครั้ง พร้อมข้อความบิดเบือนให้เข้าใจผิดว่ารัฐบาลประกาศให้ชะลอการฉีดวัคซีนเนื่องจากมีสารพิษและสิ่งแปลกปลอมทำให้ร่างกายเกิดผลกระทบตามมา
จึงขอทำความเข้าใจว่า การแถลงข่าวดังกล่าวเป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2564 ที่ทาง สธ. ชะลอการฉีดวัคซีน AstraZeneca ในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เพื่อรอผลการตรวจสอบเรื่องการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำของประเทศในแถบยุโรป ซึ่งต่อมาได้ข้อสรุปว่าวัคซีน AstraZeneca มีความปลอดภัย และภาวะดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดในคนยุโรปไม่ค่อยพบในคนเอเชีย จึงดำเนินการฉีดวัคซีน AstraZeneca ให้แก่คนไทยต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
“ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนโควิดรวมแล้วกว่า 127 ล้านโดส พบว่ามีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความปลอดภัยสูง การนำข้อมูลเก่ามาบิดเบือนให้เกิดการเข้าใจผิดแสดงถึงเจตนาที่ต้องการต่อต้านไม่ให้ประชาชนฉีดวัคซีน ซึ่งทำให้เสียโอกาสและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากเกิดการติดเชื้อ จึงขอให้ประชาชนอย่าแชร์คลิปดังกล่าวต่อ เพื่อไม่ให้มีผู้หลงเชื่อจนไม่ไปรับวัคซีน” นพ.รุ่งเรืองกล่าว
นพ.รุ่งเรืองกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ยังต้องเร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างความปลอดภัย ลดอัตราการติดเชื้อ ป่วยรุนแรงและเสียชีวิต จึงขอเชิญชวนประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลยให้มารับวัคซีน ส่วนผู้ที่รับวัคซีน 2 เข็มเกิน 3 เดือนไปแล้ว ให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงและเสียชีวิต จะช่วยให้การเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงสงกรานต์นี้มีความปลอดภัยจากโรคโควิดเพิ่มขึ้น โดยทุกคนยังต้องเข้มมาตรการป้องกันตนเองสูงสุด และขอให้มีการตรวจหาเชื้อด้วย ATK ก่อนเดินทาง