วันนี้ (23 กุมภาพันธ์) สภาความมั่นคงและกลาโหมแห่งชาติของยูเครน อนุมัติแผนการที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อเป็นการตอบสนองต่อกรณีความตึงเครียดในวิกฤตการณ์ยูเครน โดย โอเลกซี ดานิลอฟ เลขาธิการสภา กล่าวว่า การประกาศดังกล่าวซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางมาตรการอื่นๆ จะทำให้มีการตรวจสอบเอกสารและยานพาหนะเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาก่อน โดยดานิลอฟระบุว่า เขาจะส่งรายงานไปยังรัฐสภาของยูเครนอีกครั้งในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการอนุมัติการใช้มาตรการเพิ่มเติมเหล่านี้ในสัปดาห์นี้
การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะครอบคลุมทุกส่วนของยูเครน ยกเว้นแคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียให้การสนับสนุน โดยแต่ละภูมิภาคของยูเครนจะสามารถเลือกเฉพาะมาตรการที่จะใช้ได้ โดย ‘ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของมาตรการเหล่านั้น’
“การประกาศภาวะฉุกเฉินนี้อาจรวมถึงการจำกัดการขนส่งบางประเภท เพิ่มการตรวจสอบยานพาหนะ หรือการขอให้ผู้คนแสดงเอกสารต่างๆ” เขากล่าวเสริม โดยเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นมาตรการในเชิง ‘ป้องกัน’ และจะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 30 วันในช่วงเริ่มแรก
นอกจากนี้ ในวันนี้เช่นกัน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ยังลงนามคำสั่งเกณฑ์ทหารกองหนุนที่มีอายุ 18-60 ปี เพื่อเข้าประจำการในช่วงเวลาพิเศษ โดยมีระยะการเข้าประจำการสูงสุด 1 ปี และทหารที่ถูกเกณฑ์ซึ่งมีทักษะ เช่น ด้านเครื่องกล จะถูกจัดให้ทำงานในหน่วยเชี่ยวชาญเฉพาะ ส่วนผู้ที่เพิกเฉยต่อการเรียกเกณฑ์ทหารในครั้งนี้อาจต้องเผชิญกับ ‘ความรับผิดในทางอาญา’ อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวแห่งชาติของยูเครนรายงานว่า เซเลนสกีระบุในขณะเดียวกันว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องระดมพลทั่วไปในขณะนี้
ขณะที่เมื่อเวลาราว 16.00 น. ที่ผ่านมา สำนักข่าว BBC รายงานว่า ทางการยูเครนแนะนำพลเมืองของตนว่าอย่าเดินทางไปยังรัสเซีย และเตือนชาวยูเครนที่อยู่ในรัสเซียให้ออกมาจากรัสเซียโดยทันที
“กระทรวงการต่างประเทศขอแนะนำให้พลเมืองของประเทศยูเครนงดเว้นการเดินทางใดๆ ไปยังสหพันธรัฐรัสเซีย และสำหรับผู้ที่อยู่ในรัสเซียให้ออกจากอาณาเขตของรัสเซียทันที” คำแถลงระบุเป็นภาษายูเครน
แถลงการณ์ของทางการยูเครนยังระบุว่า “การรุกรานยูเครนโดยรัสเซียที่ถูกทำให้เข้มข้น” หมายความว่า จะไม่สามารถให้ความช่วยเหลือด้านกงสุลแก่ชาวยูเครนในรัสเซียได้ โดย BBC คาดว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อชาวยูเครนหลายล้านคนที่คาดว่าอาศัยอยู่ในรัสเซีย
ภาพ: Bumble Dee / Shutterstock
อ้างอิง: