วันนี้ (26 มกราคม) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า วัคซีน Pfizer ฝาสีส้มที่จะนำมาฉีดในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ล็อตแรกมาถึงประเทศไทยแล้ว 300,000 โดส (จาก 10 ล้านโดสที่สั่งจองไว้เบื้องต้น) โดยภายในไตรมาสที่ 1 คาดว่าจะได้รับวัคซีนเป็นจำนวน 3.5 ล้านโดส
โดยสูตรวัคซีนที่เลือกใช้ในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี จะเป็นวัคซีน Pfizer ฝาสีส้มในขนาด 10 ไมโครกรัม (1 ใน 3 ของขนาดที่ฉีดในกลุ่มผู้ใหญ่) ปริมาณ 0.2 มิลลิลิตร ซึ่งเข็มที่ 1 และ 2 จะต้องมีระยะเวลาห่างกัน 3-12 สัปดาห์ โดยจะเปิดให้ฉีดคิวแรกวันที่ 31 มกราคมนี้
ทั้งนี้ การฉีดในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
- โรงพยาบาล: เน้นฉีดให้กับเด็กที่มีโรคประจำตัวหรือเป็นกลุ่มโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคที่กุมารแพทย์พิจารณา ซึ่งถือเป็นเด็กกลุ่มเสี่ยงสูง เพราะหากได้รับเชื้อโควิดมีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงสูง
- โรงเรียน: เด็กที่ได้รับวัคซีนเป็นนักเรียนในระบบสถานศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 และก่อนประถมศึกษา ซึ่งใช้วิธีการเดียวกับที่ฉีดในกลุ่มเด็กมัธยมศึกษาที่ได้รับวัคซีนในโรงเรียนก่อนหน้านี้
ส่วนอาการหรือผลข้างเคียงหลังได้รับวัคซีน ส่วนมากอาการไม่รุนแรงและหายได้เองภายใน 1-2 วัน โดยอาจมีอาการอื่นๆ เช่น ไข้ หนาวสั่น ปวด บวม รอยแดงบริเวณที่ฉีด ปวดหัว ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ และอ่อนเพลีย จึงจำเป็นต้องสังเกตอาการหลังฉีดอย่างน้อย 30 นาที ในสถานพยาบาลหรือสถานที่ฉีดวัคซีนเสมอ