ความเคลื่อนไหวราคา Bitcoin ในวันนี้ (22 มกราคม) ยังคงไหลลงต่อเนื่องจนหลุดลงไปแตะระดับ 35,500 ดอลลาร์ ลดลงกว่า 12% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า จากความตั้งใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่จะถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ออกจากตลาด ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกเผชิญกับแรงขาย ซึ่ง Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าหายไปกว่า 45% จากจุดสูงสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งผลให้มูลค่าตลาดของ Bitcoin ลดลงไปกว่า 6 แสนล้านดอลลาร์
การลดลงของราคา Bitcoin อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับเหรียญอื่นๆ ในตลาด ส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมของคริปโตเคอร์เรนซีหายไปกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ทั้งนี้นักลงทุนกว่า 239,000 ราย ได้ปิดสถานะในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่าประมาณ 874 ล้านดอลลาร์ อิงจากข้อมูลของ Coinglass ซึ่งเป็นศูนย์ซื้อขายฟิวเจอร์สของคริปโต
นักวิเคราะห์ของ Bespoke Investment Group เปิดเผยว่า แน่นอนว่าคริปโตมีความเปราะบางต่อแรงขายในลักษณะนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนที่สูงขึ้น ทั้งความผันผวนในแง่ของมูลค่าตลาดในสกุลดอลลาร์ และความผันผวนในแง่ของอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคา
“คริปโตกำลังตอบสนองต่อปัจจัยในลักษณะเดียวกันที่ส่งผลต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก และก็เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยดีนักที่โปรเจกต์ขนาดใหญ่อย่างเช่น BTC มีความสัมพันธ์อย่างมากกับคริปโตอื่นๆ จนเกือบจะเป็นที่แน่นอนว่าเมื่อราคาของเหรียญใหญ่ลดลง ราคาของเหรียญทางเลือกอื่นๆ ก็มักจะลดลงไปตามๆ กัน อย่างน้อยก็ในระยะสั้น” Stephane Ouellette ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งของ institutional crypto-platform FRNT Financial กล่าว
ในขณะที่หุ้นซึ่งทำธุรกิจหลักเกี่ยวข้องกับคริปโตก็ราคาร่วงลงเช่นเดียวกันในวันศุกร์ที่ผ่านมา เช่น Coinbase Global Inc. ราคาลดลงเกือบ 16% ต่ำสุดนับแต่เข้าตลาดเมื่อเดือนเมษายน 2021 จากจุดสูงสุดที่ 429.54 ดอลลาร์ ล่าสุดปิดที่ 191.97 ดอลลาร์ ขณะที่ MicroStrategy Inc. ราคาลดลง 18% ต่ำสุดนับแต่เดือนธันวาคม 2020
ขณะเดียวกันรัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมที่จะออกแผนกลยุทธ์เบื้องต้นที่ครอบคลุมสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลภายในเดือนหน้า
ด้าน Antoni Trenchev ผู้ร่วมก่อตั้ง Nexo เปิดเผยว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง Bitcoin และหุ้นเทคโนโลยีในบรรดา Nasdaq 100 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนอยู่ในระดับสูงสุดในรอบทศวรรษ
ในขณะที่ Katie Stockton ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของ Fairlead Strategies เปิดเผยว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง Bitcoin และกองทุนอย่าง ARK Innovation ETF (ARKK) มีความสัมพันธ์กันถึงประมาณ 60% ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่มีความสัมพันธ์เพียง 14% กับทองคำ
“สถิติที่ออกมาสะท้อนให้เห็นว่า Bitcoin และเหรียญทางเลือกอื่นๆ คือสินทรัพย์เสี่ยง แทนที่จะเป็น Safe Havens”
อ้างอิง:
