คณะเสนาธิการร่วม (Joint Chiefs of Staff: JCS) ของกองทัพเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันนี้ (17 มกราคม) เกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบยิงขีปนาวุธต้องสงสัย จำนวน 2 ลูก จากสนามบินนานาชาติซูนัน ในกรุงเปียงยาง โดยถือเป็นการทดสอบขีปนาวุธครั้งที่ 4 ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนนี้
โดย JCS ระบุว่า ได้ตรวจพบขีปนาวุธทั้ง 2 ลูก ซึ่งคาดว่าเป็นขีปนาวุธทิ้งตัวแบบพิสัยใกล้ (Short-Range Ballistic Missile) ถูกยิงออกมาจากพื้นที่สนามบินซูนัน ไปทางทิศตะวันออก และตกลงในทะเลตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งทางกองทัพเกาหลีใต้ได้เตรียมความพร้อม และมีการเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวจากทางเกาหลีเหนืออย่างต่อเนื่อง
“ขณะนี้กองทัพของเรากำลังติดตามและเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้อง (กับเกาหลีเหนือ) และรักษาท่าทีเตรียมพร้อม” JCS ระบุ
ก่อนหน้านี้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธไปแล้ว 3 ครั้ง ซึ่ง 2 ครั้งแรกเป็นขีปนาวุธประเภทไฮเปอร์โซนิก ที่มีความเร็วเหนือเสียง และควบคุมให้เคลื่อนที่ได้หลังจากที่ยิงไปแล้ว และครั้งล่าสุดคือเมื่อวันศุกร์ (14 มกราคม) ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ รุ่น KN-23 จำนวน 2 ลูก จากแท่นยิงจรวดบนรถไฟ
ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือเคยใช้สนามบินในการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยกลางมาแล้วในปี 2017 โดยความพยายามทดสอบขีปนาวุธอย่างต่อเนื่องหลายครั้งนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้นานาชาติแสดงท่าทีประณามการกระทำของเกาหลีเหนือ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรใหม่เพิ่มเติม เพื่อกดดันเกาหลีเหนือ และเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ขึ้นบัญชีดำบุคคลและหน่วยงานของเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือยืนกรานปกป้องการทดสอบขีปนาวุธของตน โดยมองว่าเป็นสิทธิในการป้องกันตัวเองตามอำนาจอธิปไตย และกล่าวหาสหรัฐฯ ว่า ตั้งใจขยายความตึงเครียดของสถานการณ์ด้วยการเพิ่มมาตรการคว่ำบาตร พร้อมทั้งเตือนการตอบโต้ที่รุนแรง
ขณะที่ก่อนการทดสอบยิงขีปนาวุธเมื่อวันศุกร์ ทางกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือยังได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า รัฐบาลวอชิงตันนั้นอาจจะพูดถึงการเจรจาและการทูต แต่การกระทำของสหรัฐฯ นั้นแสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ ยังคงหมกมุ่นอยู่กับนโยบายแบ่งแยกและกดขี่เกาหลีเหนือ
ภาพ: Photo by Chung Sung-Jun/Getty Images
อ้างอิง: