บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI หวังภาครัฐหนุนตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ระบุยังไม่ควรจัดเก็บภาษี พร้อมประกาศกลยุทธ์ปี 2565 ก้าวแกร่งด้วยคอนเซปต์ Step Beyond เติบโตยั่งยืนใน 3 มิติ ทั้ง Profit-People-Planet พร้อมวางเป้าหมายระยะ 3 ปี เปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ารวม 1.5 แสนล้านบาท ดันเป้าหมายยอดขายรวม 1.2 แสนล้านบาท
เศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ กล่าวในงานแถลงแผนธุรกิจปี 2565 ว่า แสนสิริมีความเข้าใจในตลาดเงินดิจิทัลและให้การยอมรับรวมถึงนำมาปรับใช้กับองค์กรแล้วตั้งแต่ปีก่อนหน้า เนื่องจากมองว่าตลาดเงินดิจิทัลเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมและยอมรับในวงกว้าง ซึ่งในฐานะองค์กรธุรกิจก็ต้องทำความเข้าใจ ยอมรับ และนำมาปรับใช้ให้ได้
ส่วนนโยบายของรัฐในแง่มุมต่างๆ ก็ควรจะให้การสนับสนุนการเติบโตของตลาดเงินดิจิทัลเช่นกัน เพราะในเวลาเพียง 1-3 ปีที่ตลาดเงินดิจิทัลเริ่มมีเรื่องการซื้อขายแลกเปลี่ยนนั้น มีบัญชีเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านบัญชี สะท้อนว่านักลงทุนส่วนมาก โดยเฉพาะนักลงทุนรุ่นใหม่ๆ ให้ความสนใจในตลาดนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นในแนวทางการสนับสนุน ทางรัฐก็ควรให้การสนับสนุนเหมือนกับที่เคยสนับสนุนตลาดหุ้นมาตลอด 30-40 ปี
“เรื่องเก็บภาษีของการเทรดคริปโตเคอร์เรนซี ควรมองย้อนกลับไปถึงการลงทุนในตลาดหุ้นเช่นกัน โดยตลาดหุ้นบูมมา 30-40 ปี และได้รับงดเว้นภาษีมาถึงปีปัจจุบัน ฉะนั้นกับตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่เพิ่งเกิดมา 2-3 ปีนี้ คนในตลาดก็อยากเห็นรูปแบบการให้การสนับสนุนที่เหมือนกับที่ตลาดหุ้นได้รับ”
ขณะเดียวกัน SIRI เองจะยังสานต่อการเติบโตในตลาดเงินดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้เข้าลงทุนใน XPG ในปี 2564 เพื่อพัฒนาและต่อยอด Ecosystem ด้านดิจิทัลด้วยกัน
นอกจากนี้ SIRI ยังรับชำระค่าสินค้าและบริการด้วยเงินดิจิทัลตั้งแต่ปี 2564 เช่นกัน โดยยอมรับสกุลเงิน Bitcion และ Ethereum และในอนาคตจะเปิดรับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ เพิ่มเติม แต่ต้องพิจารณาสภาพคล่องและความเป็นที่นิยมของ Coin นั้นๆ ด้วย
เศรษฐายังกล่าวถึงแผนธุรกิจปี 2565 ของ SIRI ด้วยว่า จะเติบโตด้วยกลยุทธ์ Step Beyond ซึ่งหมายถึงการเติบโตยั่งยืนทุกมิติ ด้วย 3 กุญแจขับเคลื่อนองค์กร Profit-People-Planet
โดยในมิติของ Profit แสนสิริจะมุ่งสร้างรายได้และผลกำไรเพื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วน โดยในปี 2565 มีแผนเปิดตัว 46 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 28 โครงการ (75% ของมูลค่ารวม) และคอนโดมิเนียม 18 โครงการ (25% ของมูลค่ารวม) และตั้งเป้าหมายยอดขายและยอดโอนโครงการ ในปี 2565 ไว้ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท
ในปี 2565 โครงการที่เปิดตัวใหม่จะมีสัดส่วนของ Affordable Segment 50% เพื่อให้ SIRI เป็นแบรนด์ที่เข้าถึงง่าย ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมราคาเป็นมิตร เช่นแบรนด์คอนโด มี, เดอะ มูฟ, ดีคอนโด, เดอะ ไลน์
นอกจากนี้ SIRI ยังมองถึงความแข็งแกร่งระยะยาว 3 ปี เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยแผนเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ารวม 1.5 แสนล้านบาท พร้อมเป้าหมายยอดขายรวม 1.2 แสนล้านบาทอีกด้วย
สำหรับมิติ People แสนสิริดำเนินธุรกิจภายใต้ YOU-centric คือ ทุกคนเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนที่สำคัญของแสนสิริ ทั้งพนักงาน ลูกค้า และสังคม อาทิ การส่งเสริมความเสมอภาคในพนักงาน ทั้งในด้านการเติบโตและสวัสดิการของทุกเพศ การนำเสนอโครงการที่คิดมาจากความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างแท้จริง และคนตัวใหญ่ต้องช่วยคนตัวเล็ก ลดความเหลื่อมล้ำ ส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม
มิติ Planet แสนสิริยังมุ่งมั่นเดินหน้าในพันธกิจสีเขียว โดยวางเป้าหมายเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่วางเป้าหมายเป็น Net Zero องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ โดยพันธกิจในปี 2565 โครงการแสนสิริต้องใช้พลังงานสะอาดด้วยการติดตั้ง Solar Roof ในส่วนกลางของโครงการใหม่ 100% รวมทั้งติดตั้ง Solar Roof ในบ้านทุกหลังของโครงการใหม่ในระดับบน 100% พร้อมไฟในสวนต้องเป็นไฟพลังงานแสงอาทิตย์ 100% ทุกโครงการในปีนี้
นอกจากนี้ยังมีพันธกิจย่อย เช่น ไฟถนนจะเป็นไฟพลังงานแสงอาทิตย์ ที่จะเริ่มในปีนี้เช่นเดียวกัน และผลักดันให้เพิ่มขึ้นเป็น 100% ในอนาคต ส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยส่วนกลางของทุกโครงการใหม่ของแสนสิริต้องมี EV Charger 100% เริ่มต้นในปีนี้ การจัดการเรื่อง Waste Management ทั้งจากการก่อสร้างและในโครงการ เป็นต้น
“ภายใต้วิสัยทัศน์ Step Beyond ในปีนี้ แสนสิริมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งยั่งยืนในทุกมิติ พร้อมเป็นกำลังสำคัญให้ทุกองค์กรก้าวแกร่งไปด้วยกันในทั้ง 3 ด้าน เพราะเราเชื่อว่า ‘ธุรกิจที่แข็งแรงต้องดูแลโลกและดูแลสังคม’ และเมื่อคนแข็งแรงช่วยกัน เราก็จะสามารถสร้างความหวังและกำลังใจให้คนตัวเล็กสู้ต่อ เพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนต่อไปได้” เศรษฐากล่าว
สำหรับภาพรวมปี 2564 นั้น เป็นอีกปีท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทายที่แสนสิริผ่านมาได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมียอดขาย 3.35 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 29% จากเป้ายอดขาย 2.6 หมื่นล้านบาท และยอดโอน 3.25 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 21% จากเป้ายอดโอน 2.7 หมื่นล้านบาท ที่ได้วางไว้
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP