แคร์รี ลัม ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประกาศว่า ฮ่องกงจะกลับมาใช้บางมาตรการคุมเข้มเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดระลอก 5 ซึ่งรวมถึงการจำกัดกิจกรรมทางสังคม การสั่งแบนเที่ยวบินที่มาจาก 8 ประเทศ และการเคอร์ฟิวห้ามกินอาหารในร้านตั้งแต่ 18.00 น.
โดยการประกาศใช้มาตรการเข้มงวดดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งจนถึงเมื่อวานนี้ (5 มกราคม) พบผู้ติดเชื้อโอไมครอนในฮ่องกงแล้วทั้งหมด 114 คน และช่วงสัปดาห์นี้ปรากฏรายงานกรณีผู้ติดเชื้อโอไมครอนในท้องถิ่นรายแรกที่ทางการฮ่องกงไม่สามารถติดตามที่มาของการระบาดได้ โดยเป็นชายที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
ขณะที่ที่ปรึกษาด้านโรคระบาดของรัฐบาลฮ่องกง เตือนว่าการระบาดของโควิดระลอก 5 นั้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และเรียกร้องให้ทางการเร่งเพิ่มมาตรการควบคุมและยับยั้งการระบาดอย่างเข้มงวดในทันที
ทั้งนี้ลัมชี้ว่ามาตรการเข้มงวดเหล่านี้มีความจำเป็น เนื่องจากสถานการณ์ระบาดของโควิดที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเน้นย้ำความสำคัญในการป้องกันกรณีผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อโอไมครอน
“มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสถานการณ์โรคระบาดซึ่งทำให้เราต้องกังวล วันนี้เราจะประกาศมาตรการที่รวดเร็ว เด็ดขาด และแม่นยำในการตัดห่วงโซ่ของการแพร่เชื้อ” ลัมกล่าว
ภายใต้มาตรการเข้มงวดล่าสุดนี้จะส่งผลให้ร้านอาหารต้องปิดให้บริการกินอาหารในร้านตั้งแต่เวลา 18.00 – 04.59 น. ของวันรุ่งขึ้น ขณะที่มีการสั่งปิดสถานประกอบการตามที่กำหนด 15 ประเภท ได้แก่ บาร์ ผับ ไนต์คลับ ฟิตเนส สวนสนุก พิพิธภัณฑ์ ห้องจัดเลี้ยง สถานเสริมความงาม สระว่ายน้ำ โรงอาบน้ำ ศูนย์เกม ห้องคาราโอเกะ สถานที่เล่นกีฬา สถานประกอบการเล่นการพนันสไตล์จีนประเภทไพ่นกกระจอกและทินเกา (โดมิโน) สถานที่จัดงานและการแสดง รวมทั้งโรงภาพยนตร์
ขณะที่เที่ยวบินที่เดินทางมาจาก 8 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส อินเดีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึงเที่ยวบินที่มาต่อเครื่อง จะถูกแบนไม่ให้เดินทางเข้าฮ่องกงเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ (8 มกราคม)
นอกจากนี้ยังยกเลิกการจัดงานขนาดใหญ่ และระงับทัวร์ท้องถิ่นและการล่องเรือสำราญชมวิวทั้งหมด ตลอดจนห้ามการเข้าเยี่ยมผู้ป่วยในโรงพยาบาลรัฐหรือผู้สูงอายุในสถานดูแลต่างๆ และจะมีการบังคับใช้มาตรการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลใหม่ เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ (7 มกราคม) โดยจะมีผลอย่างน้อย 14 วัน ก่อนจะมีการทบทวนอีกครั้ง
ภาพ: Photo by Li Zhihua / China News Service via Getty Images
อ้างอิง: