เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าการผลิตเนื้อวัวมีส่วนในการทำลายสิ่งแวดล้อมด้วยปริมาณก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะก๊าซมีเทนปริมาณมหาศาล แต่ก็ไม่ใช่เนื้อวัวทั้งหมดจะปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพราะอย่างน้อยตามข้อมูลของ Low Carbon Beef ซึ่งเป็นบริษัทที่คอยตรวจสอบและรับรองวัวที่เลี้ยงแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณต่ำ และด้วยการอนุมัติของ USDA เมื่อเร็วๆ นี้ คุณอาจจะได้เห็นเนื้อวัวทางเลือกใหม่ที่มาพร้อมฉลากเนื้อวัวคาร์บอนต่ำขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตในไม่ช้า
Low Carbon Beef เปิดตัวในปี 2018 เพื่อตรวจสอบและรับรองเนื้อวัวด้วยเกณฑ์ที่ว่า ในการผลิตเนื้อวัวจะต้องมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยการปล่อยก๊าซนั้นจะมีก็ได้ แต่ต้องปล่อยในที่ระดับต่ำกว่าพื้นฐานอุตสาหกรรมถึง 10% โดยการผลิตจะถูกวัดจากเกณฑ์ 20 ข้อที่เกี่ยวข้องกับอาหารสัตว์ เชื้อเพลิง ปุ๋ย และการทำงาน
ถ้าผู้บริโภคยอมจ่ายเงินมากกว่าสำหรับผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่ผ่านการรับรอง ก็แปลว่าเนื้อที่ผ่านการรับรองเนื้อคาร์บอนต่ำก็จะสามารถขายในตลาดได้ อีกทั้งจะยังทำให้ผู้ผลิตเนื้อวัวใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเพราะสามารถขายเนื้อในราคาที่แพงขึ้นได้ และสามารถจูงใจผู้ผลิตรายอื่นให้หันมาผลิตเนื้อวัวแบบใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้นด้วย
สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ไม่ใช่แค่การรณรงค์ให้เปลี่ยนแปลงแล้ว เราต้องลงมือทำ วัดผล ตรวจสอบ การรับรองเนื้อคาร์บอนต่ำจะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อเนื้อวัวที่ผลิตด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน เกษตรกรและเจ้าของฟาร์มเลี้ยงสัตว์ก็จะมีการวางแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน และผู้บรรจุหีบห่อก็จะต้องเลือกใช้วัสดุใส่ใจสิ่งแวดล้อม งานทุกงานบนสายพานการผลิตเนื้อวัวนี้ จะช่วยลดปริมาณ Carbon Footprint ที่จะเกิดขึ้นจากการผลิตเนื้อวัว แม้ปัจจุบันข้อความและโลโก้ Low Carbon Beef ยังไม่ปรากฏบนเนื้อวัวที่ขายในร้านค้าปลีก แต่เราน่าจะได้เห็นในไม่ช้า
ในช่วงปีที่ผ่านมามีคนเลิกกินเนื้อวัวด้วยเหตุผลทางสิ่งแวดล้อมกันไปเยอะมาก และเริ่มหาเนื้อสัตว์จากพืชมาทดแทน นี่อาจเป็นอีกก้าวหนึ่งของการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน ส่วนฉลากรับรอง Low Carbon Beef จะมาในตอนไหนก็ต้องติดตามกันต่อไป
อ้างอิง: