ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษ เผยแพร่ผลการศึกษาวิจัยล่าสุดเมื่อวานนี้ (13 ธันวาคม) พบว่า สูตรการฉีดวัคซีนโควิด 2 โดสนั้นไม่สามารถกระตุ้นการสร้างแอนติบอดีหรือภูมิคุ้มกันที่ช่วยสลายไวรัสได้มากพอที่จะต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ ซึ่งอาจเป็นข้อบ่งชี้ถึงสาเหตุที่จำนวนผู้ฉีดวัคซีนแล้วหรือหายป่วยจากโควิดแล้วติดเชื้อโควิดโอไมครอนเพิ่มมากขึ้น
โดยงานวิจัยดังกล่าวซึ่งยังไม่ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ ได้ทำการวิเคราะห์ตัวอย่างเลือดของกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการฉีดวัคซีนทั้ง AstraZeneca และ Pfizer-BioNTech ขณะที่นักวิจัยยังไม่พบหลักฐานว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วแต่มีระดับภูมิคุ้มกันสลายไวรัส (Neutralising Antibodies) ต่ำกว่าในการต้านทานโอไมครอน จะก่อให้เกิดอาการป่วยรุนแรง จนถึงขั้นต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจาร์ยแมทธิว สเนป จากออกซ์ฟอร์ด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเขียนรายงานวิจัยฉบับนี้ กล่าวว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของงานวิจัยทั้งหมด ซึ่งนอกจากนี้จะมีการทดลองเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันที่ต้องอาศัยเซลล์ด้วย
“ข้อมูลเหล่านี้สำคัญ แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพ พวกเขาเพียงแต่ดูที่เรื่องภูมิคุ้มกันสลายไวรัสหลังจากฉีดโดสที่ 2 แต่ไม่ได้บอกเราเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันที่ต้องอาศัยเซลล์ ซึ่งจะมีการทดลองด้วยเช่นกัน” เขากล่าว
งานวิจัยฉบับนี้ถูกเผยแพร่เพียง 1 วันหลังจากที่นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน แห่งสหราชอาณาจักร ออกมาเตือนว่าการฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็มนั้นไม่เพียงพอสำหรับการป้องกันเชื้อโอไมครอน พร้อมทั้งเตรียมเสนอให้ประชาชนอายุเกิน 18 ปีขึ้นไป เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเริ่มจากสัปดาห์นี้
ซึ่งท่าทีดังกล่าวเป็นไปตามผลวิเคราะห์ของสำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UK Health Security Agency: UKHSA) ที่ถูกเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพบว่าการฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นนั้นช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิดได้อย่างมีนัยสำคัญ
ภาพ: Photo Illustration by Pavlo Gonchar/SOPA Images/LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: