วันนี้ (10 ธันวาคม) ณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสสังคมตั้งคำถามผ่านสื่อต่างๆ ถึงหลักเกณฑ์การอภัยโทษว่าอาจมีการให้สิทธิพิเศษต่อผู้ต้องขังบางกลุ่มนั้น
กรมราชทัณฑ์ขอทำความเข้าใจเพิ่มเติมเพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การอภัยโทษ รวมถึงการบริหารโทษของกรมราชทัณฑ์ ว่าการอภัยโทษมีการสืบทอดเป็นโบราณราชประเพณีเนื่องในโอกาสสำคัญของบ้านเมือง เพื่อให้โอกาสแก่ผู้กระทำผิดได้กลับตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ
ส่วนกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่ากรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมมีอำนาจเหนือคำพิพากษาศาล ขอชี้แจงว่า การพิพากษากำหนดโทษเป็นอำนาจของศาล ในส่วนการบริหารโทษเป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ภายใต้อำนาจของกฎหมาย
สำหรับหลักเกณฑ์ในการที่นักโทษจะได้รับอภัยโทษ ต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดที่มีความประพฤติดีตั้งแต่ชั้นกลางขึ้นไป ส่วนจะได้รับการลดโทษมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชั้นและประเภทคดีเป็นสำคัญ ประกอบด้วย คดีอาญาทั่วไป คดีอาญาร้ายแรง คดียาเสพติดรายย่อย และคดียาเสพติดรายใหญ่ โดยจะได้รับการลดโทษตามหลักเกณฑ์ คือ
-คดีอาญาทั่วไป
- ชั้นเยี่ยม: 1 ใน 2
- ชั้นดีมาก: 1 ใน 3
- ชั้นดี: 1 ใน 4
- ชั้นกลาง: 1 ใน 5
.
-คดีอาญาร้ายแรง
- ชั้นเยี่ยม: 1 ใน 3
- ชั้นดีมาก: 1 ใน 4
- ชั้นดี: 1 ใน 5
- ชั้นกลาง: 1 ใน 6
-คดียาเสพติดรายย่อย
- ชั้นเยี่ยม: 1 ใน 5
- ชั้นดีมาก: 1 ใน 6
- ชั้นดี: 1 ใน 7
- ชั้นกลาง: 1 ใน 8
-คดียาเสพติดรายใหญ่
- ชั้นเยี่ยม: 1 ใน 6
- ชั้นดีมาก: 1 ใน 7
- ชั้นดี: 1 ใน 8
- ชั้นกลาง: 1 ใน 9
โดยตัวอย่างการคำนวณการลดโทษ สำหรับคดีอาญาทั่วไป นักโทษเด็ดขาดชาย ก. อยู่ในชั้นเยี่ยม กำหนดโทษจำคุก 30 ปี จะได้ลด 1 ใน 2 ตามเกณฑ์ข้างต้น คือจะได้ลด 15 ปี ดังนั้นจึงเหลือกำหนดโทษจำคุกอีก 15 ปี
แต่หากเป็นคดีอาญาร้ายแรง ถ้านักโทษเด็ดขาดชาย ก. เป็นผู้กระทำผิดในคดีอาญาร้ายแรง มีกำหนดโทษจำคุก 30 ปี และเป็นชั้นเยี่ยมเช่นเดียวกัน จะได้รับการลดโทษ 1 ใน 3 คือจะได้ลด 10 ปี ดังนั้นจึงเหลือกำหนดโทษจำคุกอีก 20 ปี
ด้านกรณีของ บุญทรง เตริยาภิรมย์ คดีจำนำข้าว ที่ปรากฏเป็นข่าว ถือเป็นคดีอาญาร้ายแรง ศาลได้ตัดสินจำคุก มีกำหนดโทษ 48 ปี และได้รับการอภัยโทษจำนวน 4 ครั้ง ดังนี้
- ครั้งที่ 1 วันที่ 15 สิงหาคม 2563 ได้ลดโทษ 12 ปี (ลดโทษ 1 ใน 4 ชั้นดีมาก) เหลือโทษจำคุก 36 ปี
- ครั้งที่ 2 วันที่ 5 ธันวาคม 2563 ได้ลดโทษ 12 ปี (ลดโทษ 1 ใน 3 ชั้นเยี่ยม) เหลือโทษจำคุก 24 ปี
- ครั้งที่ 3 วันที่ 28 กรกฎาคม 2564 ได้ลดโทษ 8 ปี (ลดโทษ 1 ใน 3 ชั้นเยี่ยม) เหลือโทษจำคุก 16 ปี
- ครั้งที่ 4 วันที่ 6 ธันวาคม 2564 ได้ลดโทษ 5 ปี 4 เดือน (ลดโทษ 1 ใน 3 ชั้นเยี่ยม) เหลือโทษจำคุก 10 ปี 8 เดือน
กรมราชทัณฑ์ขอให้สังคมและประชาชนเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานว่าเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ภายใต้กรอบของกฎหมาย และจะปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกคนด้วยความเสมอภาค เท่าเทียม ไม่มีการเลือกปฏิบัติ หรือให้สิทธิประโยชน์ต่อผู้ต้องขังกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นการเฉพาะ พร้อมให้โอกาสแก่ผู้กระทำความผิดทุกคนได้กลับตนเป็นพลเมื\องที่ดีของสังคมต่อไป