แม้คำว่า Skinimalism จะผุดขึ้นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ทว่าในปี 2022 ที่กำลังจะมา THE STANDARD POP คาดการณ์ว่าเทรนด์ Skinimalism จะแข็งแรงและเป็นที่นิยมในวงกว้างมากขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2021 ซึ่งเทรนด์ผิวแบบ Skinimalism หมายถึง เทรนด์ผิวที่เน้นความเป็นธรรมชาติของผิวในแบบของตัวเอง แต่มอบการบำรุงและแต่งผิวให้ดูสุขภาพดีแบบไม่ประโคมปกปิด มันคือเทรนด์ที่ทุกคนสามารถสวยในแบบที่ผิวของตัวเองเป็น แม้จะมีริ้วรอยของสิวปรากฏ ผิวไม่สม่ำเสมอ รอยกระ รอยแผลเป็นต่างๆ แต่ก็สามารถมั่นใจและกล้าอวดผิวเปล่งประกายในแบบของตัวเองได้
Skinimalism บำรุงผิวแบบ Skip-Care
We Say: Skip-Care ถ้าให้อธิบายง่ายๆ มันคือการรวบตึงขั้นตอนบำรุงผิวที่เวิ่นเว้อ หลายสิ่ง ให้ครบจบในการใช้งานครั้งเดียวผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท Multitasking หรือผลิตภัณฑ์ชนิด All-in-One ซึ่งฝั่งบริษัทความงามด้านสกินแคร์ดังๆ ของของเกาหลีใต้ มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ Skip-Care หลากหลายแบรนด์ ซึ่งจากปกติสาวๆ อาจจะเคยชินกับการไล่ทาครีมตามสเตป 1. คลีนเซอร์ 2. โทนเนอร์ 3. ทรีตเมนต์ เอสเซนส์ หรือทรีตเมนต์โลชั่น 4. เซรั่ม 5. อายครีม 6. ครีมกันแดด (กลางคืน มอยส์เจอร์ไรเซอร์ หรือ Overnight Cream) แต่เทรนด์บำรุงผิว Skinimalism นั้นจะข้ามขั้นตอนเยอะๆ ไปจบในการใช้ผลิตภัณฑ์เดียว ซึ่งรวมโทนเนอร์ เซรั่ม หรือเอสเซนต์ไว้ในขวดเดียวกันนั่นเอง มันทำให้ชีวิตง่ายขึ้น มีเวลามากขึ้น และมันตอบโจทย์กับช่วงโควิด-19 ที่ไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าแบบจัดเต็ม เพราะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยปกปิดแทบจะตลอดเวลาอยู่แล้วนั่นเอง
การแต่งหน้าแบบ Skinimalism
We Say: การแต่งหน้าแบบ Skinimalism เน้นบำรุงผิวที่ชุ่มชื้น ไม่ขาดน้ำ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความบางเบา ไม่เน้นปกปิด หากต้องการใช้รองพื้น อาจปรับเป็นแบบทินต์ที่มีความเบา เกลี่ยง่าย และยังเห็นผิวจริง โดยเป็นการใช้เพื่อสร้างฟินิชของผิวที่ดูสม่ำเสมอเท่านั้น แต่ไม่เน้นปกปิดริ้วรอย จุดด่างดำ หรือรูขุมขน ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพผิวที่ช่วยให้ผิวได้หายใจ ลดการอุดตันของเครื่องสำอาง แต่สาวๆ ก็ยังสนุกกับการแต่งหน้าได้ ผ่านการแต่งตา แต่งคิ้ว และทาลิปสติกเฉดสีโปรดที่ตัวเองชอบ
อ้างอิง:
