เมื่อวานนี้ (15 พฤศจิกายน) ตามเวลาประเทศไทย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ลงนามรับรองร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 40 ล้านล้านบาท) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในหลายๆ มิติ หลังจากที่ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านมติรับรองจากสภาคองเกรสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยร่างกฎหมายฉบับนี้นับเป็นการประสานความร่วมมือกันของสองพรรคการเมืองใหญ่อย่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โจ ไบเดน
ไบเดนระบุว่า “วันนี้ ในที่สุดพวกเราก็ทำสำเร็จแล้ว ข้อความของผมที่จะส่งถึงพลเมืองอเมริกันทุกคนคือ อเมริกากำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอีกครั้ง และชีวิตของคุณกำลังจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม”
โดยงบประมาณราว 5.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางการจะบริหารจัดการงบส่วนนี้ตลอดช่วง 8 ปีข้างหน้า เพื่ออัปเกรดทางหลวง ถนนหนทาง สะพาน การคมนาคม และจุดเชื่อมต่อระหว่างเมืองต่างๆ รวมถึงน้ำดื่มสะอาด อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และจุดชาร์จยานพาหนะไฟฟ้าที่จะกระจายอยู่ทั่วทั้งประเทศ นับเป็นการลงทุนในภาคโครงสร้างขั้นพื้นฐานครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษของสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ยังมีร่างกฎหมายอีกหนึ่งฉบับที่ชื่อว่า Build Back Better Act ที่อาจเผชิญแรงกดดันและความไม่แน่นอนภายในสภาคองเกรส โดยกลุ่มเดโมแครตหัวก้าวหน้าหวังว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะผ่านมติรับรองจากสภา และใช้ควบคู่กับร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานที่ไบเดนเพิ่งลงนามไปนี้
ภาพ: Alex Wong / Getty Images
อ้างอิง: