ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารการสื่อสารองค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท. คาดว่าการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นี้ จะมีส่วนช่วยเรียกความเชื่อมั่นและช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้ โดยคาดว่าหลังเปิดประเทศเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในกรณีฐานที่ 0.7%
อย่างไรก็ดี ในกรณีเลวร้ายหากเกิดการระบาดระลอกใหม่ก็มีโอกาสที่เศรษฐกิจจะโตได้ต่ำกว่ากรณีฐาน
“แม้การเปิดประเทศจะทำให้ความเสี่ยงการติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นบ้าง แต่หากเราสามารถบริหารจัดการได้ และการกระจายวัคซีนทำได้ดี จำนวนผู้ป่วยโควิดขั้นรุนแรงไม่ได้เพิ่มสูงขึ้น เศรษฐกิจไทยก็จะทยอยฟื้นตัวได้ ทั้งนี้ ธปท. จะติดตามสถานการณ์หลังการเปิดประเทศเพื่อทบทวนประมาณการเศรษฐกิจและจำนวนนักท่องเที่ยวใหม่ในเดือนธันวาคม” ชญาวดีกล่าว
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ชญาวดีระบุว่า ปี 2565 จะเป็นปีแห่งการฟื้นฟูธุรกิจของผู้ประกอบการ ทำให้คาดว่าจะมีธุรกิจที่ต้องการสภาพคล่องและการปรับโครงสร้างหนี้จำนวนมาก ซึ่งปัจจุบัน ธปท. ยังมีโครงการสินเชื่อฟื้นฟูและเครื่องมือช่วยเหลืออื่นๆ ที่สามารถรองรับได้อยู่
“จากการสอบถามผู้ประกอบการหลายแห่งในเดือนตุลาคม เราเริ่มเห็นสัญญาณของหลายธุรกิจปรับตัวดีขึ้น ภาคการผลิตดีขึ้นตามกำลังซื้อที่ค่อยๆ ปรับตัวดี และกิจกรรมเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัว รวมทั้งภาคบริการได้รับผลบวกจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่ควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด และยังเห็นสัญญาณแรงงานย้ายถิ่นและเลิกจ้างงานลดลง เริ่มเห็นการเคลื่อนย้ายแรงงานกลับเข้าพื้นที่อุตสาหกรรมบ้างแล้ว แต่ยังต้องติดตามความเปราะบางต่อเนื่อง” ชญาวดีกล่าว
ชญาวดีกล่าวอีกว่า ในเดือนนี้ ธปท. ยังเริ่มเห็นทิศทางเงินบาทกลับมาแข็งค่า จากการที่ไทยเตรียมเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ โดยก่อนหน้านี้เงินบาทในเดือนกันยายนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น ด้านเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนกันยายนกลับมาเพิ่มขึ้นหลังจากสิ้นสุดมาตรการลดค่าไฟฟ้าและน้ำประปา และราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ โดยคาดว่าเงินเฟ้อของปี 2564 จะเข้าสู่กรอบล่าง 1%
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP