แบรนด์แฟชั่นลักชัวรีเบอร์หนึ่งของโลกอย่าง Louis Vuitton ออกมาเปิดเผยรายงานความคืบหน้าผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมของแบรนด์เป็นครั้งแรกผ่านเว็บไซต์ WWD ด้วยตัวชี้วัดมากมายที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน การใช้ทรัพยากร และความยั่งยืน โดยตั้งเป้าว่าจะใช้วัตถุดิบที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ผู้คน และสัตว์ให้ได้ 100% ภายในปี 2025
ตัวเลขสูงสุดที่แบรนด์ทำได้ในตอนนี้คือการใช้วัสดุรียูสและรีไซเคิลในดิสเพลย์ร้านได้ถึง 93% ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นไปตามเป้าที่แบรนด์ตั้งไว้ว่าจะต้องใช้วัสดุรีไซเคิลสำหรับการจัดหน้าร้านให้ได้ 100% ภายในปี 2025
ถัดมาที่พลังงานที่ใช้ในกระบวนการเวิร์กช็อปและจุดขนส่ง ทาง Louis Vuitton ได้ใช้พลังงานหมุนเวียนถึง 69% และร้านค้าของแบรนด์จำนวน 32% จากทั้งหมดได้เริ่มมาใช้หลอดไฟ LED ประหยัดพลังงานแล้ว ตามมาด้วยวัสดุที่ใช้ในการทำสินค้าลักชัวรีได้รับการรับรองด้านความยั่งยืนไปแล้ว 52%
เช่นเดียวกับการลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ที่ปัจจุบันได้ลดลงไปแล้ว 16% โดยเฉพาะฟิล์มพลาสติกป้องกันฮาร์ดแวร์กระเป๋า หัวเข็มขัด และหน้าปัดนาฬิกา และตั้งเป้าว่าจะงดใช้ให้ได้ทั้งหมดภายในปี 2030 และแทนที่ด้วยวัสดุรีไซเคิลแทน รวมไปถึงตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 55% ผ่านการรับรองของหน่วยงานภายใต้องค์การสหประชาชาติภายในปีเดียวกัน
Michael Burke ซีอีโอของ Louis Vuitton ให้สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟกับเว็บไซต์ WWD ถึงการเปิดเผยที่อาจจะล้าช้ากว่าแบรนด์อื่นๆ ว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราเพิ่งเริ่มทำ แต่ที่เราเพิ่งเริ่มสื่อสาร เป็นเพราะว่าเราต้องการข้อเท็จจริง และเราต้องมีประสบการณ์มากพอที่จะประกาศจุดยืนและเป้าหมายต่างๆ”
นอกจากนั้นเขายังชี้แจงถึงเหตุการณ์ประท้วงกลางรันเวย์แฟชั่นโชว์คอลเล็กชัน Spring/Summer 2022 เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่าอาจไม่แฟร์กับแบรนด์เท่าไร เพราะเสื้อผ้าและสินค้าของแบรนด์ถือว่ามีความยั่งยืนในแง่ของการออกแบบที่ต้องใช้งานฝีมือชั้นเยี่ยม กระบวนการคิดที่เหนือกาลเวลา จนสามารถสร้างมูลค่าที่สามารถส่งต่อรุ่นสู่รุ่นได้ บวกกับทางแบรนด์ได้ให้บริการซ่อมแซมสินค้าผ่านร้านเวิร์กช็อปทางการของแบรนด์ที่มีอยู่ทุกทวีป ซึ่งเพิ่มขึ้นมากถึง 20% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
“ผมเข้าใจว่าทำไมพวกเขาพุ่งเป้ามาที่เรา เพราะว่าเราเป็นแบรนด์อันดับหนึ่ง และเรียกยอดวิวได้หลายล้าน จะมีเวทีไหนที่เหมาะกับการบุกรุกมากไปกว่านี้”
ภาพ: Robert Alexander / Getty Images
อ้างอิง:
