นาทีนี้คงไม่มีนักลงทุนรายใดที่กล้าเบือนหน้าหนี ไม่สนใจ หรือใคร่จะศึกษาสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) อีกต่อไปแล้ว เพราะหลายรายแม้จะยังชั่งใจไม่กล้าเข้าไปลงทุน แต่ทุกคนต่างก็ทราบถึงความสำคัญ โอกาส และความท้าทายอีกมหาศาลที่จะเกิดขึ้นจากสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบต่างๆ ที่มีอยู่อย่างหลากหลายเป็นอย่างดี
ในแวดวงการลงทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล นอกเหนือจากการเทรดคริปโตเคอร์เรนซีสกุลต่างๆ หรือแม้แต่งานศิลปะบนโลกดิจิทัล NFT ก็ยังมีทางเลือกการลงทุนอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมาก และเข้ามาจับกระแสความสนใจของผู้คน นักลงทุน ผู้ประกอบธุรกิจได้อย่างอยู่หมัด หนึ่งในนั้นคือ การทำ ‘ICO (Initial Coin Offering)’
ICO คือการแปลงสินทรัพย์ที่มีอยู่เดิมให้กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล หรือที่เรียกว่าโทเคนดิจิทัล ก่อนที่จะเปิดให้ระดมทุน เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านั้น ยกตัวอย่างเพิ่มเติมเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นก็เช่น การนำที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่จับต้องได้มาแปลงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อทำ ICO
ซึ่งประโยชน์ที่นักลงทุนจะได้รับนั้นไม่ได้ผูกติดอยู่แค่การเก็งกำไรจากการลงทุนเหมือนการลงทุนในแบบอดีต ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารหนี้ กองทุน พันธบัตร ฯลฯ หรือแม้แต่การเทรดคริปโตเคอร์เรนซีเพื่อหวังได้กำไรจากมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น เนื่องจากการลงทุนในรูปแบบ ICO จะทำให้นักลงทุน ผู้ถือโทเคนได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมบางอย่างตามเงื่อนไขของผู้ออก ICO โทเคนดิจิทัลนั้นๆ ที่ได้ระบุไว้ในเอกสารเสนอการระดมทุน เช่น ส่วนลดค่าใช้บริการ การซื้อสินค้า หรือสิทธิพิเศษอื่นๆ ตามแต่ผู้ออก ICO จะสามารถพลิกแพลงหาสิทธิประโยชน์ต่างๆ มาเพิ่มความน่าสนใจให้กับโทเคนของตัวเอง
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ นับตั้งแต่ที่ เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป ได้ประกาศจัดตั้ง KASIKORN X (KX) ขึ้นมาเมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมายหลักในการสร้างฟินเทคยูนิคอร์นของไทย พร้อมๆ กับการสถาปนาบริษัทลูกอย่าง ‘Kubix’ เพื่อเตรียมให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลผ่านบล็อกเชน (กสิกรยังคงถือหุ้นในสัดส่วน 100%) เราก็ได้เห็นบิ๊กมูฟที่น่าสนใจตามมาอีกอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งล่าสุด ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา KBTG เพิ่งจะออกมาประกาศข่าวดีว่า Kubix ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. ในการเป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) แล้ว โดยอยู่ระหว่างรอ Activate ใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. และกำลังเตรียมความพร้อมเพื่อให้บริการเสนอขายโทเคนดิจิทัลในตลาดแรกผ่านบล็อกเชน ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาการลงทุนและให้ความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยเต็มรูปแบบภายในสิ้นปีนี้
นั่นหมายความว่า ภาพฝันใหญ่ของการสร้างตลาด ICO ในประเทศไทย เพื่อต่อยอดโอกาสการลงทุนให้กับเหล่านักลงทุน เพิ่มช่องทางใหม่ๆ ในการเสริมแกร่งด้านธุรกิจให้กับผู้ประกอบการธุรกิจ แบรนด์ต่างๆ ไปจนถึงสตาร์ทอัพ ผ่านการทำ ICO Portal เสนอขายโทเคนดิจิทัล กำลังจะเปิดศักราขขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจแล้ว
เพื่อบอกเล่าถึงทิศทางการดำเนินงานของ Kubix เป้าหมาย และแผนการต่อจากนี้ THE STANDARD ได้สรุปประเด็นที่น่าสนใจจากการร่วมพูดคุยกับทีมผู้บริหาร Kubix ประกอบด้วย ญาณวิทย์ รักษ์ศรี กรรมการผู้จัดการ Kubix, อภิญญา เรืองทวีคูณ Head of Sales and Structuring Kubix และ ภาคย์ อรัญวัฒน์ Head of Product and Business Development ให้ผู้อ่าน นักลงทุน และเจ้าของธุรกิจกิจการทุกคนที่สนใจการทำ ICO ได้ศึกษาข้อมูลไปพลางๆ ก่อนที่ Kubix จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้
ญาณวิทย์ รักษ์ศรี กรรมการผู้จัดการ Kubix
Kubix กับจุดมุ่งหมายเปลี่ยนสินทรัพย์ใน ‘โลกแห่งความเป็นจริง’ สู่ ‘โลกดิจิทัล’ เพิ่มโอกาสการลงทุน การเติบโตธุรกิจ
ญาณวิทย์ รักษ์ศรี แม่ทัพใหญ่ของ Kubix เริ่มต้นด้วยการเล่าถึงความตั้งใจของ KBTG และการจัดทัพ Kubix ลงมาสู่สังเวียน ICO Portal ไว้ว่ามาจากโจทย์ของ KBTG ที่อยากจะเปลี่ยนสินทรัพย์ที่จับต้องได้ (Physical Assets) หรือสินค้าทั่วๆ ไปที่มีอยู่ในตลาดให้เข้าสู่โลกดิจิทัล เพื่อเชื่อมช่องว่างโลกปัจจุบันและโลกอนาคตที่จะกลายเป็นโลกดิจิทัลเต็มตัวในระดับ Pure Digital Native
“เรายังมองอีกด้วยว่าในอนาคตจะมีผู้เล่นหลากหลาย ทั้งในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี หรือในตลาดโทเคนดิจิทัล ซึ่งในส่วนของคริปโตเคอร์เรนซี เรามองว่ายังมีความเสี่ยงสูงสำหรับกลุ่มนักลงทุนอยู่ ดังนั้น เพื่อให้ตอบโจทย์กับนักลงทุนในปัจจุบัน เราจึงอยากนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนในโลกดิจิทัลที่มีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมๆ ไปกับการหาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์พวกเขา ให้ผลตอบแทนที่ดี และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของพวกเขา” ญาณวิทย์บอกถึงหัวใจสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนา Kubix
ญาณวิทย์ย้ำเสริมว่า Kubix ไม่ได้มองแค่ว่า การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลจะช่วยให้พวกเขาได้ผลตอบแทนกลับคืนมามากน้อยแค่ไหน แต่มองไปไกลถึงขั้นที่ว่า บรรดานักลงทุนจะต้องได้ ‘อะไรมากกว่า’ ผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในกลุ่มโทเคนดิจิทัลเหล่านี้
“นี่คือสิ่งที่เรามอง เรามองว่ายุคดิจิทัล (Digital Era) จะเปลี่ยนไปอย่างไร และเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) กำลังจะเคลื่อนไปยังทิศทางใด เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญคือเราจะต้องพยายามปิดช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างความเป็นดิจิทัลกับโลกการลงทุนแบบดั้งเดิม (Traditional) ให้ได้”
ขณะที่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีลูกที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของพ่อและต้นตระกูลอย่าง KBTG และธนาคารกสิกรไทย ก็ยังถือเป็นแต้มต่อที่ช่วยเพิ่มความได้เปรียบให้กับ Kubix ในการดำเนินธุรกิจ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ไปจนถึงการต่อยอดความครบเครื่องผ่านธุรกิจและบริการต่างๆ ในระบบนิเวศของโลกการเงินและฟินเทค
“เราเป็นบริษัทที่อยู่ในเครือของกสิกรไทย และอยู่ภายใต้ KBTG เราจึงมีความรู้และประสบการณ์ในด้านเทคนิค เทคโนโลยี และการเงิน รวมถึงมีความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยให้ Kubix มีแนวทางที่จะดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้
“ในเชิงเทคนิค เราอาจจะมองว่า ICO Portal คล้ายกับธุรกิจวาณิชธนกิจ (Investment Banking) แต่จริงๆ แล้วมันเป็นมากกว่านั้น เป็นฟินเทครูปแบบใหม่ที่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย (Technology Driven) เข้ามาช่วย โดยที่เรายังมีความรู้ด้านบล็อกเชนที่ทำมาหลายปีแล้ว มีโปรเจกต์ที่ประสบความสำเร็จมากมาย ทั้งหมดนี้ถือเป็นส่วนผสมที่ดีในตัว Kubix”
กรรมการผู้จัดการ Kubix ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วยว่า การที่ Kubix เป็นพาร์ตเนอร์ที่ทำงานให้ชิดกับฝั่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์แบบเพื่อให้ตลาดสินทัรพย์ดิจิทัลเกิดขึ้นมาได้นั้น จะถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทยให้เติบโตได้อีกมหาศาล โดยเฉพาะการเร่งขยายอุตสาหกรรมสินทัรพย์ดิจิทัลนี้ออกไปไกลสู่ระดับภูมิภาค (Regional)
“เราไม่ได้มองว่าจะสร้างระบบนิเวศนี้ขึ้นมาเพื่อเราเท่านั้น แต่มองว่าต้องทำให้ระบบนิเวศนี้โตขึ้นและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ ตรงนี้เป็นเป้าหมายของเราในระยะยาว เราต้องการสร้างระบบนิเวศของแพลตฟอร์มกลางขึ้นมา และให้คนอื่นๆ เข้าร่วมเพื่อให้มันเกิดการแข่งขัน ซึ่งจะนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่าสำหรับประเทศ
“อุตสาหกรรมนี้จะไม่ได้อยู่แค่ในประเทศไทย ถ้าเราดูในประเทศไทยจะเห็นว่า ก.ล.ต. ออกเกณฑ์มาค่อนข้างรวดเร็ว ถ้าย้อนไปเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วมาจนถึงปัจจุบัน มีบริษัทที่ได้ใบอนุญาตมา 2 บริษัทนับรวมเรา โดยที่ยังมีผู้เล่นคนอื่นๆ ที่กำลังขอใบอนุญาตนี้อยู่เหมือนกัน ฉะนั้น มันจึงมีความเป็นไปได้ที่ต่างประเทศจะเห็นศักยภาพของไทยในการทำ ICO ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะทำให้นักลงทุนไม่ว่าจะเป็นรายย่อยหรือสถาบันก็สามารถเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ผ่านโทเคนดิจิทัลในประเทศเราได้ ดังนั้น ถ้าเราวางจุดยืนตัวเองให้ดี และเริ่มต้นอุตสาหกรรมนี้ได้สวย ผมเชื่อว่ามันจะไปได้ไกลมากกว่าในประเทศ ไปสู่ระดับภูมิภาคได้เลย”
อภิญญา เรืองทวีคูณ Head of Sales and Structuring Kubix
Kubix = พาร์ตเนอร์ที่ไว้วางใจได้ (Trusted Partner) ในโลก ICO ของทุก Stakeholders
อภิญญา เรืองทวีคูณ ขยายความเพิ่มเติมถึง Brand Value ของ Kubix ที่มุ่งหวังจะเป็น Trusted Partner หรือพาร์ตเนอร์ที่ไว้วางใจได้ มีความน่าเชื่อถือในโลกของ ICO ว่า นอกเหนือจากการเป็นบริษัทที่อยู่ใต้ร่มของธนาคารเบอร์ต้นๆ ของประเทศไทยอย่างกสิกรไทย สารตั้งต้นของ Kubix คือความตั้งใจที่อยากจะช่วยให้พาร์ตเนอร์ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักลงทุน Token Issuer ผู้ออกโทเคนดิจิทัล หรือแม้กระทั่งฝ่าย Regulator ผู้ออกกฎเกณฑ์ ให้สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น ไร้ปัญหา
“เราวางจุดยืนตัวเองไว้ว่าอยากจะเป็น Trusted Partner ในทุกๆ ด้าน ทุก Stakeholders ทั้งนักลงทุน, Issuer และ Regulator เพื่อทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกระบวนการทุกขั้นตอน แล้วลูกค้าก็จะสามารถไว้วางใจกับการที่จะมาเป็นพาร์ตเนอร์กับทาง Kubix หรือมาใช้บริการของ ICO Portal
“โดยที่ในมุมของกฎเกณฑ์ Regulation เราจะดูแลรายละเอียดทุกด้านให้ครอบคลุม ครบถ้วน เสริมในด้านความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและเทคโนโลยี ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชนอยู่ในองค์กร ที่สามารถให้คำแนะนำกับลูกค้าทั้งกลุ่มนักลงทุนและ Issuer ได้ในทุกมิติ ทั้งขาของธุรกิจ หรือการสร้างประโยชน์ในระยะยาว เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกฝ่ายมากที่สุด ซึ่งประเด็นด้านการพัฒนาเทคโนโลยี ด้วยความที่เราอยู่ในเครือของ KBTG Group อยู่แล้ว ลูกค้าก็จะมั่นใจในมุมนี้ของเราด้วย ดังนั้น ด้วยหลักทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จึงทำให้ไม่ว่าเราจะเข้าไปคุยกับลูกค้าเจ้าไหน ความมั่นใจและความเชื่อใจในจุดแข็งของ Kubix ก็จะปรากฏออกมาชัดเจน”
สำหรับกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของ Kubix ในระยะแรก อภิญญาบอกว่าจะเน้นการเปิดรับ Issuer ที่หลากหลายในทุกๆ กลุ่มอุตสาหกรรม โดยจะยึดเกณฑ์จากการมองหาโปรดักต์ ผลิตภัณฑ์ บริการ ของกลุ่ม Issuer ที่เข้าใจง่ายสำหรับนักลงทุนทุกราย
ในมุมองความท้าทายของการดึงดูดกลุ่ม Issuer และการนำสินทรัพย์มาแปลงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อทำ ICO นั้น ญาณวิทย์ขยายความเพิ่มว่า โจทย์หลักเรี่องความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ ณ ตอนนี้ของ Kubix คือประเด็นความคิดสร้างสรรค์ เนื่องจากทีมจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีความเซ็กซี่ (น่าดึงดูดกลุ่มนักลงทุนมากพอ) ที่จะนำมาแปลงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล
โทเคนดิจิทัล คือสินทรัพย์ดิจิทัลที่ให้ประโยชน์นักลงทุนมากกว่าแค่กำไรและมูลค่าที่เพิ่มขึ้น
เมื่อถามถึงประโยชน์ที่นักลงทุนในโทเคนดิจิทัล และ ICO จะได้รับ นอกเหนือจากการเก็งกำไรและมูลค่าในสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบนี้ และเป็นจุดต่างที่ไม่เหมือนกับการลงทุนรูปแบบอื่นๆ รวมถึงจุดต่างของการลงทุนในโทเคนดิจิทัลกับ Kubix ที่มีเหนือคู่แข่งในตลาด ภาคย์ อรัญวัฒน์ อธิบายเพิ่มเติมว่า
“ธุรกิจ ICO Portal เป็นธุรกิจที่มีความใหม่มาก และเมื่อดูผู้เล่นในตลาด แต่ละคนก็มีธุรกิจที่แตกต่างกัน อย่างที่เราเห็นในข่าวล่าสุดก็คือเขามีบริษัทลูกที่มาจากต่างประเทศ และมีแพลนที่จะขายให้กับนักลงทุนต่างประเทศ เราก็มองว่าเขามีโมเดลธุรกิจรูปแบบหนึ่ง เราก็กลับมาดูของเราว่าเป็นอย่างไร ฉะนั้น เราจะนำเสนอพาร์ตเนอร์ของเราว่าสิ่งที่เรามีมันดีกว่าได้อย่างไร เราจะนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือโทเคนที่เป็น Utility Token ผสมกับ Investment Token แล้วไปตอบโจทย์ธุรกิจของเขาในรูปแบบไหนได้บ้าง”
ภาคย์ อรัญวัฒน์ Head of Product and Business Development Kubix
ด้านอภิญญากล่าวเสริมว่า “สิ่งที่เราโฟกัสตอนที่เราออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับทำโทเคน คือการที่เราจะเริ่มสวมหมวกการเป็นนักลงทุน เพราะปลายทางของเราอยากที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับการลงทุนที่มีความหลากหลายและแตกต่างจากการลงทุนในรูปแบบอื่น ซึ่งฟีเจอร์หนึ่งที่โดดเด่นมากของโทเคนก็คือ การสามารถดึงสิทธิประโยชน์ของสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) มาเป็นรูปแบบสิทธิประโยชน์ให้นักลงทุนได้ด้วย
“เราอยากทำให้การรับรู้ของนักลงทุนเป็นไปในแนวทางที่ว่า การลงทุนไม่ใช่แค่การดูแต่ตัวเลข ผลประกอบการของบริษัท แต่ต้องเป็นไปในแนวทางที่ว่า เขาจะต้องเข้าใจ และเข้าไปเป็นเจ้าของ ได้รับสิทธิ์ในสิ่งที่ตัวเองลงทุนจริงๆ ทำให้การลงทุนมันดูเหมือนเป็นไปในเชิงไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Investment) มากกว่า ตรงนี้เป็นมุมที่เราค่อนข้างเน้น และมองว่าจุดนี้จะเป็นการผนึกกำลังร่วมกันครั้งใหญ่ (Synergy) ของ Issuer กับพาร์ตเนอร์อื่นๆ เพราะมันเป็นอะไรที่มากกว่าผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
“ส่วนในมุมของ Investor สิ่งที่เขาไม่เคยได้จากการลงทุนรูปแบบอื่นๆ เขาจะได้ใน Utility Token เหล่านี้ ซึ่งทั้งหมดเป็นจุดที่เราเน้นและโฟกัสให้ความสำคัญ”
อภิญญายกตัวอย่างให้เห็นภาพมากขึ้นว่า ยูสเคสของการนำสินทรัพย์อย่าง ‘โรงแรม’ มาทำ ICO ก็ทำให้ Issuer สามารถวางเงื่อนไขได้ว่า ผู้ที่เข้ามาลงทุนซื้อโทเคนอาจได้รับสิทธิพิเศษในฐานะนักลงทุน เช่น สิทธิ์เข้าพักฟรี (Free Stay) หรือการใช้สิทธิประโยชน์ในโรงแรม เช่น การใช้ฟิตเนส สปา เป็นต้น
“มันก็จะทำให้นักลงทุนที่ถือโทเคนนั้นๆ ได้ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นๆ ไปด้วย นอกเหนือจากนี้ เราก็ยังสามารถประยุกต์ประโยชน์ไปสู่อุตสาหกรรมความบันเทิงได้อีก ตัวอย่างเช่น การทำ ICO กับแพลตฟอร์มสตรีมมิง ที่อาจจะให้สิทธิ์นักลงทุนในการเข้าถึงอีเวนต์พิเศษ รัมชมคอนเทนต์พิเศษที่คนทั่วไปหาซื้อไม่ได้ เพราะฉะนั้น สิทธิประโยชน์หรือสิทธิพิเศษต่างๆ ที่จะมาพร้อมกับตัวโทเคนและการทำ ICO มันสามารถดีไซน์ออกมาให้อยู่ในรูปแบบที่หลากหลายได้”
ขณะที่ในมุมมองการพัฒนาแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มสำหรับนักลงทุนนั้น ภาคย์ ในฐานะหัวเรือใหญ่ผู้ดูแลแผนก Product and Business Development ของ Kubix บอกว่า ทีมงานของเขาจะให้ความสำคัญกับ 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย
- Functionality – หรือ Features ที่แอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มควรจะต้องมี
- Usability – ต้องใช้ง่าย ประสิทธิภาพต้องดี
- Regulation – ถูกหลักเกณฑ์ทุกขั้นตอน
“หลักๆ เรามองอยู่ 3 เรื่องที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ทั้งในด้านความสะดวกในการใช้งานของกลุ่มนักลงทุน การตอบโจทย์กลุ่ม Issuers, การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ของ ก.ล.ต. ดังนั้น ความยากในการทำงานของทีมพัฒนาก็คือ การที่เราจะต้องบาลานซ์ 3 เรื่องนี้เข้าด้วยกัน แม้ว่าเราจะอยากให้มันง่ายและตอบโจทย์ธุรกิจมากที่สุด แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องคำนึงถึงกฎเกณฑ์ต่างๆ ด้วย ตรงนี้คือ 3 เรื่องหลักๆ ที่เราจะนำมาดูว่าจะขับเคลื่อนแอปพลิเคชันไปยังทิศทางใด”
ขณะที่เป้าหมายในอนาคตนั้น Kubix ยืนยันว่าเจตนารมณ์และความตั้งใจในการดำเนินธุรกิจของพวกเขาในระยะยาว จะไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเป็น ICO Portal เพียงอย่างเดียว เพราะในอนาคตยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจออกไปอยู่ในบทบาทที่เกี่ยวข้องที่สามารถตอบโจทย์ให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น Issuer หรือนักลงทุน
ตลอดจนการทำให้ ICO Portal และการออกโทเคนดิจิทัล สามารถเจาะไปถึงในทุกอุตสาหกรรมให้ได้ เพื่อเพิ่มตัวเลือกในการลงทุนให้กับนักลงทุนให้ได้มากที่สุด และการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ
จับตาดูให้ดี ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังจะมาถึง และไม่แน่ว่าผู้ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ว่าอาจจะไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น Kubix นี่เอง!