สถานการณ์ของบิทคอยน์กลับมาร้อนแรงแบบฉุดไม่อยู่อีกครั้ง แม้ ณ เวลานี้จะเริ่มย่อจากแรงขายทำกำไรไปบ้าง แต่มีรายงานว่า เหล่า ‘วาฬ’ หรือนักลงทุนรายใหญ่หลายรายต่างแห่ซื้อบิทคอยน์ในตลาดกันอย่างคึกคัก หลังจากที่ราคาส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่องจนสามารถฝ่าทะลุแนวต้านที่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐได้สำเร็จเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Chainalysis พบว่า บัญชีคริปโตเคอร์เรนซีที่มีมูลค่าบิทคอยน์มากกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่างเพิ่มสัดส่วนการซื้อบิทคอยน์ของตนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงช่วงปลายเดือนสิงหาคม ซึ่งแรงช้อนซื้อเกิดขึ้นหลัง ‘วาฬ’ เหล่านี้มองเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงด้านราคาบิทคอยน์ในช่วงระยะกลางๆ ที่ผ่านมา
โดยนับตั้งแต่สิ้นเดือนมิถุนายน จนถึงวันที่ 22 สิงหาคม นักลงทุนรายใหญ่ได้ทยอยเข้าซื้อบิทคอยน์แล้วเกือบ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบตามราคาในเมื่อวันอังคาร (24 สิงหาคม) และการถือครองบิทคอยน์ของเหล่าวาฬฟื้นกลับมาอยู่ในระดับเดียวกันกับเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และนักลงทุนรายใหญ่เหล่านี้มีแนวโน้มจะถือครองบิทคอยน์ในระยะยาว
แรงซื้อส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ตลาดในหลายอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอุตสาหกรรมการเงิน และฝ่ายผู้บริโภคเองเริ่มเปิดรับคริปโตเคอร์เรนซีทั้งในแง่ของการลงทุนและการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากขึ้น
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า สถานะของ ‘วาฬ’ มีความพิเศษตรงที่ขนาดและมูลค่าที่เข้าซื้อหรือปล่อยขายบิทคอยน์แต่ละครั้งล้วนสร้างความปั่นป่วนต่อบิทคอยน์ได้ไม่น้อย เช่น กรณีเทขายอย่างหนักในช่วงเดือนเมษายน จนทำให้ราคาบิทคอยน์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุด
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า Citigroup กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาบริการเทรดในตลาดฟิวเจอร์สด้วยบิทคอยน์ให้แก่ลูกค้าในกลุ่มสถาบัน หลังมีปริมาณเรียกร้องเข้ามามากขึ้น และหลังจากที่ราคาบิทคอยน์ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางการยอมรับสถานะบิทคอยน์เพื่อการใช้งานในกลุ่มบริษัทองค์กรและคนทั่วไปในวงกว้าง
CoinDesk รายงานว่า ทาง Citi กำลังรอการอนุมัติรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนจะเริ่มเทรนด์บิทคอยน์ฟิวเจอร์สในตลาดหุ้นชิคาโก (Chicago Mercantile Exchange)
แม้จะมีการยอมรับในวงกว้างมากขึ้น กระนั้นสถานะทางกฎหมายของคริปโตเคอร์เรนซีในบางประเทศก็ยังไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ โดยล่าสุด ศาลสูงสุดในมณฑลซานตงทางตอนเหนือของจีน มีคำพิพากษาตัดสินคดีฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อคริปโตฯ โดยระบุชัดว่าการลงทุนหรือการซื้อขายในคริปโตเคอร์เรนซียังไม่ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายของจีน ดังนั้นคำร้องของโจทก์ที่ยื่นเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายในการซื้อคริปโตฯ จึงไม่สมเหตุสมผล
ทั้งนี้สถานะของคริปโตเคอร์เรนซียังคงผิดกฎหมายในจีนนับตั้งแต่ปี 2013
นอกจากจีนที่เดินหน้ากวาดล้างคริปโตฯ อย่างเข้มงวดแล้ว The Japan Times ก็รายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อกวดขันสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องผู้ใช้งานคริปโตเคอร์เรนซี หลังมีรายงานปัญหาอาชญากรรม เช่น การฉ้อโกงและขโมยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
รายงานระบุว่า รัฐบาลกำลังปรึกษากับทางผู้เชี่ยวชาญและธนาคารกลางในการออกมาตรการใหม่ โดยคาดว่าน่าจะสามารถนำมาบังคับใช้อย่างเร็วที่สุดในช่วงฤดูร้อนปีหน้า
อ้างอิง:
- https://www.cnbc.com/2021/08/24/bitcoin-whales-jump-back-into-market-during-cryptocurrencys-rebound-.html
- https://www.channelnewsasia.com/business/citi-considering-bitcoin-futures-trading-some-institutional-clients-2133846
- https://finance.yahoo.com/news/chinese-court-says-cryptocurrency-not-225821003.html
- https://www.japantimes.co.jp/news/2021/08/24/business/economy-business/fsa-stronger-cryptocurrency-regulations/
เตรียมพบกับฟอรัมที่ผู้บริหาร ‘ต้องดู’ ก่อนวางแผนกลยุทธ์ปีหน้า! The Secret Sauce Strategy Forum คัมภีร์กลยุทธ์ฝ่าวิกฤตปี 2022
📌 เฟรมเวิร์กกลยุทธ์ใช้ได้จริง
📌 ฉากทัศน์เศรษฐกิจไทย–โลก
📌 เทรนด์ผู้บริโภค–การตลาด
📌 เคสจริงจากผู้บริหาร
พิเศษ! บัตร Early Bird 999 บาท วันนี้ถึง 27 สิงหาคมนี้เท่านั้น
ซื้อบัตรได้แล้วที่ www.zipeventapp.com/e/the-secret-sauce