ช่วงปลายปีที่ผ่านมา THE STANDARD WEALTH เคยนำเสนอเกี่ยวกับอุตสาหกรรม E-Sports รวมถึงผลงานของกองทุนระดับโลกที่เน้นลงทุนในธีมนี้ ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงในระดับ 80-90% ตลาดทั้งปี 2563
จากข้อมูลในขณะนั้นคาดการณ์กันว่า รายได้ของอุตสาหกรรม E-Sports จะยังโตต่อเนื่องในช่วง 3 ปีนี้ จาก 1.1 พันล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2563 ขยับขึ้นไปเป็น 1.5 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2566
แต่ในมุมของการลงทุน ดูเหมือนว่าความร้อนแรงที่เคยเกิดขึ้นตลอดทั้งปี 2563 ดูจะเริ่มหดหายไป เพราะตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา ผลงานของ 3 กองทุนหลัก ได้แก่ ESPO, HERO และ NERD ยังให้ผลตอบแทนติดลบ 4-9% ในปีนี้
นอกจากเรื่องของการพักฐานหลังจากขึ้นมาแรงอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในแรงกดดันต่อกองทุน E-Sports เหล่านี้คือการปรับฐานของบริษัทเกมสัญชาติจีน จากแรงกดดันของการควบคุมของรัฐบาลจีน ซึ่งกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทเกมหลายแห่ง อาทิ Tencent หรือ NetEase
รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ หัวหน้าฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บล.บัวหลวง มองว่า ผลตอบแทนที่ชะลอลงในปีนี้ของกองทุน E-Sports ส่วนหนึ่งเป็นธรรมชาติของกองทุนที่ปรับขึ้นแรงในปีก่อนหน้านั้นก็มักจะแผ่วลงในปีถัดไป ซึ่งส่วนนี้ก็เกิดขึ้นกับกองทุนหุ้นเทคโนโลยีเช่นกัน หรืออย่างหุ้น Apple ซึ่งราคาหุ้นในช่วงต้นปีแทบจะไม่ขยับไปไหน ก่อนจะเริ่มพุ่งขึ้นมาได้เมื่อนักลงทุนเริ่มกลับมาสนใจอีกครั้ง
นอกจากการพักฐานของบรรดาหุ้นในธีม E-Sports แรงกดดันอีกส่วนหนึ่งยังเกิดขึ้นจากบริษัทผู้ผลิตเกมสัญชาติจีน ซึ่งถูกกระทบจากการเข้ามาจัดระเบียบของรัฐบาลจีนในช่วงที่ผ่านมา
“ส่วนตัวมองว่าราคาหุ้นของบริษัทเกมจะยังคงถูกกดดันต่อไปจนกว่าที่การจัดระเบียบของรัฐบาลจีนจะจบลง แต่หากมองภาพการลงทุนไปในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า การย่อลงของราคาหุ้น E-Sports โดยเฉพาะหุ้นเกมของจีน น่าจะเป็นโอกาสซื้อด้วย Risk Reward Ratio ที่น่าสนใจ”
หากมองภาพอุตสาหกรรมหลังจากนี้ เชื่อว่า E-Sports ยังมีอนาคต อย่างกรณีที่การแข่งขันเอเชียนเกมส์ครั้งถัดไปที่จะบรรจุ E-Sports เป็นหนึ่งในชนิดกีฬา และจีนเองก็จะส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันด้วย
ที่ผ่านมารัฐบาลจีนเข้ามาควบคุมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเกมอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากจำนวนใบอนุญาตที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างปี 2560 มีเกมที่ได้รับใบอนุญาตระดับหมื่นเกม แต่หลังจากปี 2561 จำนวนใบอนุญาตผลิตเกมใหม่ต่อปีลดลงมาเหลือเพียง 1-2 พันเกมใบอนุญาตเท่านั้น
ขณะที่อุตสาหกรรมเกม หรือ E-Sports ในประเทศอื่นๆ อาทิ เกาหลีใต้ แคนาดา และหลายประเทศในยุโรป ยังคงได้รับการสนับสนุนต่อเนื่อง ซึ่งธุรกิจเหล่านี้มักจะได้รับการลดภาษีธุรกิจ
ส่วนประเด็นความกังวลที่ว่ารัฐบาลจีนจะเข้ามาควบคุมการเล่นเกมของเยาวชนมากขึ้น ในประเด็นนี้อาจจะไม่ได้กระทบต่อบริษัทมากนัก หากลองดูสัดส่วนรายได้จากผู้ที่มาอายุต่ำกว่า 18 ปีของบริษัทอย่าง NetEase ปัจจุบันอยู่ต่ำกว่า 5% ของธุรกิจเกมทั้งหมด ซึ่งเป็นการปรับตัวของบริษัทเกมไปในระดับหนึ่งแล้ว
“แรงกดดันต่อหุ้นเกมอาจจะใช้เวลาต่อไปอีกสักพัก แต่สุดท้ายเชื่อว่าตลาดจะตระหนักได้ว่าปัจจัยเหล่านี้เป็นเพียงชั่วคราว สำหรับการลงทุนในธีมนี้ผ่านกองทุนรวม หากเป็นการเลือกโดยส่วนตัวคงจะเลือกกองทุนที่มีหุ้นเกมของจีนในพอร์ตมากหน่อย เพราะราคาได้ปรับฐานลงมาค่อนข้างมาก”
ด้าน มณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.วรรณ มองว่า โดยภาพรวมธุรกิจเกมยังคงน่าสนใจและมีแนวโน้มจะเติบโตได้ต่อ แต่ระหว่างทางก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปบ้าง โดยเฉพาะผลจากการจัดระเบียบอุตสาหกรรม เช่น การควบคุมและพิสูจน์อัตลักษณ์ของผู้เล่น ซึ่งอาจจะเห็นการจำกัดระยะเวลาในการเล่นของเยาวชน
“ธุรกิจเกมยังคงน่าสนใจ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเฉพาะตัวอยู่ เพราะฉะนั้นการกระจายการลงทุน โดยเลือกกองทุนที่มีการลงทุนทั้งธุรกิจเกมและธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ เช่น อีคอมเมิร์ซ เป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์เหล่านี้มีความได้เปรียบในเรื่องของข้อมูลจำนวนมาก”
ขณะที่ ศรชัย สุเนต์ตา กรรมการผู้จัดการ CIO Office บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า การควบคุมของทางการจีนในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงอุตสาหกรรมเกมมีโอกาสที่จะกระทบต่อผลประกอบการของธุรกิจเหล่านี้ อย่างกรณีของการจัดระเบียบเพื่อป้องกันปัญหาสังคม จากความกังวลที่ว่าการติดเกมเป็นเหมือนกับการติดฝิ่นอิเล็กทรอนิกส์
ขณะเดียวกันเรื่องการใช้ข้อมูลของลูกค้า ซึ่งในจีนมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตระดับพันล้านคน และมากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากธุรกิจเกมเช่นกัน ความกังวลหนึ่งของรัฐบาลจีนคือการเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ของบริษัทที่ไปจดทะเบียนต่างประเทศ ซึ่งอาจจะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
“ในระยะสั้นการจัดระเบียบจะกระทบต่อบริษัทเกมแน่นอน แต่คงจะไม่ถึงกับขั้นที่ทำให้บริษัทล้มหายตายจาก เพราะโดยภาพรวมแล้วบริษัทเหล่านี้ยังมีคุณมากกว่าโทษ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาอาจจะเป็นการมุ่งหารายได้มากจนเกินไปในมุมของรัฐบาล”
ที่ผ่านมาจะเห็นว่าบริษัทจีนพยายามปรับตัวให้เข้ากับกฎเกณฑ์ต่างๆ ของภาครัฐ อย่าง Tencent ที่เริ่มจำกัดเวลาเล่นเกมของเยาวชน ซึ่งก็อาจจะทำให้รายได้ของบริษัทลดลงไปบางส่วน
“แม้ว่าผลกระทบจากการจัดระเบียบจะยังไม่ได้หมดไป แต่ส่วนตัวเชื่อว่าหุ้นของบริษัทเกมเหล่านี้ยังคงถือลงทุนต่อได้ เพียงแต่จะต้องประเมินผลกระทบต่อรายได้จากการปรับตัวในระยะถัดไปอีกครั้ง”
ภาพประกอบ: เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล