วันนี้ (13 สิงหาคม) ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย แถลงข่าว ‘หญิงตั้งครรภ์กับโควิด-19’ ว่าตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 ถึง 11 สิงหาคม 2564 พบหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อ 1,993 คน เป็นคนไทย 1,315 คน ต่างด้าว 678 คน อยู่ในช่วงอายุ 20-34 ปี ร้อยละ 74.21 ส่วนใหญ่ติดเชื้อในครอบครัวและสถานที่ทำงาน และพบเสียชีวิต 37 คน คิดเป็นร้อยละ 1.8 โดยหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อคลอดแล้ว 1,129 คน คิดเป็นร้อยละ 55.65 เป็นการผ่าตัดคลอดร้อยละ 53 และพบการคลอดก่อนกำหนดหรือก่อน 37 สัปดาห์ เกือบร้อยละ 18 สูงกว่าปกติที่พบได้ประมาณร้อยละ 10 พบทารกแรกเกิดน้ำหนักน้อยกว่า 2,500 กรัม ถึงร้อยละ 16 สูงกว่าภาวะปกติที่พบประมาณร้อยละ 8
นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า การติดเชื้อระลอกเมษายนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากที่พบเดือนละ 5-25 คนในการระบาดช่วงธันวาคม 2563 ถึง มีนาคม 2564 ในเดือนพฤษภาคม พบมากกว่า 200 คน และเดือนกรกฎาคมมากกว่า 800 คน และจากการวิเคราะห์ข้อมูลหญิงตั้งครรภ์ที่เสียชีวิตจำนวน 23 คน พบว่าสาเหตุแต่ละรายเกิดจาก 3 ปัจจัยคือ
- ปัจจัยจากหญิงตั้งครรภ์ ร้อยละ 9 โดยหญิงตั้งครรภ์และครอบครัวขาดความรู้ ความเข้าใจไม่ตระหนักถึงความเสี่ยงของตนเอง
- การเข้าถึงบริการ ร้อยละ 21
- ข้อจำกัดภายในระบบบริการร้อยละ 70
ขณะที่ขณะนี้มีหญิงตั้งครรภ์ฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วเพียง 7,935 คน และเข็มสอง 574 คน จึงจำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีนกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ให้ครอบคลุมมากที่สุดตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข และมติที่ประชุมคณะกรรมการอนามัยแม่และเด็กแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 เห็นชอบให้หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์หลัง 12 สัปดาห์ และหญิงให้นมบุตรสามารถรับการฉีดวัคซีนโควิดได้ เพื่อลดความเสี่ยงเกิดอาการรุนแรงและการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด
นอกจากนี้แม้ว่าหญิงตั้งครรภ์จะได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแล้ว ยังต้องไปตรวจครรภ์ ตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ตามนัดหมาย โดยป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัดตามมาตรการ DMHTT สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร เมื่อกลับถึงบ้านให้ถอดหน้ากากทิ้งอย่างถูกวิธี อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที งดใช้ของส่วนตัวร่วมกัน สังเกตอาการผิดปกติของการตั้งครรภ์ ล้างมือบ่อยๆ กินอาหารปรุงสุก สะอาด ครบ 5 หมู่ ดื่มนมรสจืด 2-3 แก้วทุกวัน เลี่ยงอาหารรสจัด หมักดอง กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่
นอกจากนี้สถานประกอบการ หน่วยงานทั้งรัฐและเอกชน ควรสนับสนุนให้กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ทำงานที่บ้าน (Work from Home) ได้แก่ กลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม, ตั้งครรภ์ในไตรมาส 3 หรือ 28 สัปดาห์ขึ้นไป, มีภาวะครรภ์เสี่ยงสูง, ทำงานในสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงสูง หรืออยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยกรมอนามัยได้จัดทำคำแนะนำการป้องกันการติดเชื้อจากบุคคลใกล้ชิดในครอบครัวและภายในบ้านสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เผยแพร่ทาง Facebook เพจกรมอนามัย