บนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในประเทศไทยที่ยังคงรุนแรง ทำให้ความต้องการเครื่องมือแพทย์รวมถึงอุปกรณ์ในการตรวจหาเชื้อในเบื้องต้นเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเราเริ่มเห็นหลายบริษัทจดทะเบียนที่ต้องการนำเข้าชุดตรวจโควิดเข้ามาจำหน่าย เช่น บมจ.วินเนอร์ยี่ เมดิคอล (WINMED), บมจ.เซนต์เมด (SMD) รวมถึงบริษัทอย่าง บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC)
ล่าสุดราคาหุ้นของทั้ง 3 บริษัทข้างต้นปรับตัวขึ้นมาในวันนี้ หลังมีความชัดเจนในการจำหน่ายมากขึ้น โดยราคาหุ้นของ WINMED เพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 7.4 บาท +4.9%, SMD เพิ่มขึ้นแตะ 13.6 บาท +6.25% และ BJC เพิ่มขึ้นแตะ 35.5 บาท +5.18% จากวันก่อนหน้า
นันทิยะ ดารกานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WINMED เปิดเผยว่า บริษัทได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายชุดตรวจ Biocredit COVID-19 Antigen โดยบริษัท ทิพย์บรรพต กรุ๊ป จำกัด ผู้นำเข้าชุดตรวจสำหรับโควิดจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อจำหน่ายให้แก่โรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน สถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุข และคลินิกเทคนิคการแพทย์ ซึ่งได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาแล้วจากสถานพยาบาลทั่วประเทศ ตามความต้องการใช้ชุดตรวจคัดกรองโควิดแบบเร่งด่วนที่เพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์สำหรับการตรวจเชื้อโควิดอีกสองชนิด ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ตรวจยืนยันโควิดโดยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated, High-throughput Molecular Diagnostic System) ที่สามารถรายงานผลมากกว่า 1,000 ตัวอย่าง ใน 24 ชั่วโมง ช่วยในการวินิจฉัยของแพทย์ได้รวดเร็วขึ้น เป็นผลิตภัณฑ์จากบริษัท Hologic ที่บริษัทเป็นคู่ค้ามามากกว่า 10 ปี ซึ่งเครื่องวิเคราะห์อัตโนมัติ Panther และชุดเก็บตัวอย่างได้ขึ้นทะเบียนและการอนุมัติจาก อย. เรียบร้อยแล้ว และน้ำยาตรวจระดับชีวโมเลกุล COVID-19 Aptima SARS-CoV-2 Assay อยู่ระหว่างรออนุมัติขึ้นทะเบียน
ทั้งนี้ คาดว่าทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะดำเนินการแล้วเสร็จและออกจำหน่ายภายในปลายไตรมาส 3
“นอกจากนี้ บริษัทเตรียมออกผลิตภัณฑ์นวัตกรรมป้องกันเชื้อไวรัส เช่น หน้ากากอนามัย สินค้านวัตกรรมทางการแพทย์ ชุดทำความสะอาดฆ่าเชื้อในห้องผ่าตัด ห้องฉุกเฉิน และสถานพยาบาล สำหรับช่วยป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ เข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นส่วนเสริมและผลักดันให้ธุรกิจเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้”
ขณะที่ กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า เรามองว่าชุดตรวจโควิดเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งภายใต้ภาวะการแพร่ระบาดที่รุนแรง หุ้นที่จำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์เหล่านี้น่าจะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์เชิงบวก ซึ่งเราแนะนำว่าสามารถเข้าเก็งกำไรได้
“ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรง เชื่อว่าอุปกรณ์การแพทย์หรืออุปกรณ์ที่ช่วยตรวจในเบื้องต้นยังเป็นสิ่งจำเป็นในตลาด ทำให้บริษัทเหล่านี้อาจจะได้ประโยชน์ต่อเนื่อง 2-3 ไตรมาส ทั้งนี้ เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโดยรวมเริ่มดีขึ้น ต้องดูว่ายอดขายอุปกรณ์เหล่านี้จะลดลงมากเพียงใด ซึ่งจะส่งผลต่อแนวโน้มกำไรของบริษัทในระยะถัดไป”
สำหรับกรณีของ SMD บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินว่า การแพร่ระบาดของโควิดที่รุนแรงตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้สินค้าหลักของบริษัท ได้แก่ กลุ่มสินค้า Critical Care สัดส่วนรายได้ 40% และกลุ่มสินค้า Respiration สัดส่วนรายได้ 35% ได้ประโยชน์จากยอดขายเพิ่มขึ้นกว่าที่ประเมินไว้เดิม ประกอบกับบริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ปีนี้เพิ่มเป็น 900-1,000 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่คาดมีรายได้ 800 ล้านบาท รวมทั้งอยู่ระหว่างยื่นขออนุญาต อย. ในการจำหน่ายชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) และตั้งเป้าหมายรายได้ 60-100 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นรายได้เสริมจากเป้าหมายรายได้ปีนี้
ด้าน ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ในมุมของ BJC ซึ่งประกาศว่าจะนำเข้าชุดตรวจโควิดเพื่อวางขายผ่านบิ๊กซี 144 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงเปิดจองชุดตรวจผ่านเว็บไซต์และจำหน่ายผ่านร้านขายยา Pure ในเครือของบริษัท หลังจากที่บริษัทได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. แล้ว
“การขายชุดตรวจและอุปกรณ์ทางการแพทย์ของ BJC อาจจะไม่ได้ส่งผลต่อกำไรมากนัก เพราะฐานกำไรของธุรกิจหลักของ BJC ค่อนข้างสูงมาก แต่การที่ราคาหุ้น BJC ตอบรับเชิงลบจากการระบาดของโควิดไปแล้ว หากมีปัจจัยบวกจากประเด็นนี้ รวมถึงรายได้ที่เพิ่มเข้ามา ก็น่าจะช่วยประคองราคาหุ้นในช่วงไตรมาส 3 นี้ได้”
ในเชิง Valuation ของหุ้น BJC ปัจจุบันซื้อขายที่ P/BV เพียง 1.1 เท่า เมื่อเทียบกับหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมใกล้เคียงกัน เช่น CPALL ซื้อขายที่ 5.4 เท่า, MAKRO 7.1 เท่า และ HMPRO 7.7 เท่า ทำให้ราคาหุ้น BJC ในปัจจุบันค่อนข้างถูก หากมีข่าวดีเพียงเล็กน้อยหุ้นก็พร้อมที่จะฟื้นตัวได้