นับจากวันที่ สมจิตร จงจอหอ คว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2008 ปักกิ่งเกมส์ ไม่มีใครคิดว่ามวยสากลซึ่งคว้าเหรียญทองโอลิมปิกมาได้ 4 สมัยซ้อน จะค่อยๆ ก้าวสู่ความตกต่ำในระยะเวลา 13 ปีหลังจากนั้น
ในกีฬาโอลิมปิกอีก 2 ครั้งถัดมา ลอนดอน 2012 นักชกไทยได้เพียงเหรียญเงินจาก แก้ว พงษ์ประยูร รุ่นไลต์ฟลายเวต ที่แพ้ ซู ซิหมิง นักชกจีนไปอย่างค้านสายตา ยิ่งไปกว่านั้น ในรีโอเดจาเนโร 2016 นักชกชาย-หญิงของไทย ไม่ได้เหรียญอะไรเลย นับเป็นความถดถอยถึงขีดสุดของวงการกำปั้นไทย เนื่องจากนักชกไทยได้เหรียญโอลิมปิกทุกครั้งตั้งแต่ปี 1976
มาถึงโอลิมปิก 2020 ที่ต้องมาแข่งขันในปี 2021 แฟนหมัดมวยในประเทศไทยมองหาเหรียญทองโอลิมปิกอีกครั้ง แต่ในโตเกียวเกมส์ กีฬามวยสากลไม่ได้เป็นความหวังอันดับ 1 ของไทยเสียแล้ว แม้จะอยู่ในข่ายที่พอจะได้ลุ้นเหรียญรางวัลได้ แต่ก็อยู่บนความไม่แน่ใจว่ากำปั้นไทยแข็งแกร่งพอที่จะทวงเหรียญทองโอลิมปิกกลับมาหรือยัง
นักชกไทยได้โควตาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ทั้งสิ้น 5 คน ได้แก่ ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด รุ่น 52 กิโลกรัม (กก.) ชาย, ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี รุ่น 57 กก. ชาย, จุฑามาศ จิตรพงศ์ รุ่น 51 กก. หญิง, สุดาพร สีสอนดี รุ่น 60 กก. หญิง และ ใบสน มณีก้อน รุ่น 69 กก. หญิง แต่ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด นักชกแห่งอนาคตวัยแค่ 20 ปีเศษ ประสบอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า ชวดไปญี่ปุ่นอย่างเจ็บปวด
โฟกัสไปที่นักชกอีก 4 คน จึงเหลือ ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี ในวัย 36 ปี นักชกชายหนึ่งเดียวที่จะเผชิญความกดดันได้ดีกว่ากำปั้นสาวอีก 3 คนแน่นอน
ฉัตร์ชัยเดชามีดีกรีเหรียญทองชิงแชมป์เอเชีย 2015, เก็บ 4 เหรียญทองซีเกมส์ (ครั้งที่ 25 ที่ลาว ปี 2009, ครั้งที่ 27 ที่เมียนมา ปี 2013, ครั้งที่ 29 ที่มาเลเซีย ปี 2017 และ ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์ ปี 2019), เหรียญเงินซีเกมส์ (ครั้งที่ 26 ที่อินโดนีเซีย ปี 2011) และเหรียญทองแดงชิงแชมป์โลก 2013 ได้เข้าร่วมโอลิมปิกเป็นหนที่ 3 ในชีวิต และเป็นครั้งสุดท้ายในวัย 36 ปี
เขาต้องสานต่อภารกิจหนักอึ้งที่ สมจิตร จงจอหอ ทำไว้เป็นคนสุดท้ายเมื่อ 13 ปีก่อน ในครั้งนั้น สมจิตรคว้าเหรียญทองมวยสากลในกีฬาโอลิมปิกด้วยอายุ 33 ปี 7 เดือน เหรียญทองปักกิ่งเกมส์ที่เติมเต็ม ทำให้เขากวาดครบทุกแชมป์ เป็นฮีโร่ของนักกีฬาไทย ได้รับการประกาศจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ให้เป็นสุดยอดนักกีฬาไทยในรอบ 5 ทศวรรษ
เจ้าของวลี ‘เจ็บมาเยอะ’ เข้าใจหัวอกนักชกรุ่นน้องเป็นอย่างดี และช่วงหนึ่งเคยไปดูแลการฝึกซ้อมของฉัตร์ชัยเดชามาแล้ว ได้ฝากกำลังใจส่งไปว่า
“ในฐานะรุ่นพี่ที่เคยผ่านการแข่งขันโอลิมปิกมาแล้ว อยากให้นักกีฬาทุกคนที่เป็นตัวแทนไปแข่งขัน ให้มั่นใจในตัวเอง ขอให้มีความหวังในการทำภารกิจเพื่อชาติ กองเชียร์ที่เมืองไทยจะส่งกำลังใจและแรงเชียร์ไปให้ ขอให้นักกีฬาทุกคนเชื่อมั่น มุ่งมั่น สู้อย่างมีสติ”
จาก ฉัตรชัย บุตรดี เป็น ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจหมดทั้งชีวิตก่อนที่จะแขวนนวม นี่คือรถด่วนขบวนสุดท้ายที่เขาได้ก้าวขึ้นไป ก่อนจะก้าวลงมาอย่างนักชกโอลิมปิกหรือฮีโร่โอลิมปิก สองกำปั้นของเขาจะเป็นตัวตัดสิน
“ผมบอกลูกทั้งสองคนว่านี่คือโอลิมปิกครั้งสุดท้ายของพ่อ เขาบ่นน้อยใจว่าพ่อไม่มีเวลาให้ ครั้งนี้ชกเสร็จจะกลับมาเป็นครอบครัวพ่อแม่ลูก และจะเอาเหรียญมาฝากเป็นของขวัญด้วย” ฉัตร์ชัยเดชา นักชกพ่อลูกสองกล่าว
13 ปีที่รอคอย ถ้าได้เหรียญอื่นยังต้องถือเป็นความล้มเหลว
สำหรับมวยสากลโอลิมปิก ต้องเหรียญทองเท่านั้น