วานนี้ (19 กรกฎาคม) ทางการสหรัฐอเมริกา เปิดรับผู้อพยพชาวอัฟกันกลุ่มแรกจำนวน 2,500 ราย เข้าพำนักในประเทศ โดยส่วนใหญ่เป็นชาวอัฟกันที่เคยช่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ภายในอัฟกานิสถาน เบื้องต้นจะให้อาศัยอยู่ที่บ้านพักใน Fort Lee ฐานทัพสหรัฐฯ ในรัฐเวอร์จิเนีย
โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า พวกเขาเหล่านี้คือชาวอัฟกันที่กล้าหาญและครอบครัวของพวกเขาที่ช่วยภารกิจของสหรัฐฯ โดยได้รับการรับรองจากสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงคาบูลแล้ว ซึ่งการเปิดรับผู้อพยพเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจเพื่อพันธมิตรอย่าง ‘Operation Allies Refuge’ ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เร่งถอนกำลังทางทหารออกจากอัฟกานิสถาน หลังสหรัฐฯ เข้าไปทำสงครามตั้งแต่ปี 2001 ที่ผ่านมา คาดว่าจะมีผู้อพยพเดินทางมาพำนักที่สหรัฐฯ ราว 20,000 ราย
สำหรับชาวอัฟกันกลุ่มอื่นๆ ที่ยังไม่ได้รับการรับรองจากสถานทูตจะได้รับการช่วยเหลือให้พำนักอยู่ที่ฐานทัพสหรัฐฯ ภายนอกประเทศชั่วคราว หรือส่งไปยังประเทศจุดหมายปลายทางแห่งอื่นที่พวกเขาจะปลอดภัยและได้รับการปกป้อง โดยสภาคองเกรสสหรัฐฯ พยายามลดทอนกำแพงและอุปสรรคต่างๆ เพื่อชาวอัฟกันที่จะเดินทางเข้าประเทศผ่านภารกิจดังกล่าว
ไบเดนเคยระบุว่า “มีบ้านสำหรับพวกคุณที่สหรัฐอเมริกา หากพวกคุณตัดสินใจเลือกแล้ว พวกเราจะยืนเคียงข้างคุณตราบเท่าที่พวกคุณยืนข้างเรา
พวกเขาเหล่านี้คือคนที่ช่วยเหลือเรา พวกเขาจะต้องไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”
โดยไบเดนเดินหน้าผลักดันการเร่งถอนกำลังทางทหารของสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถานโดยเร็ว ขีดเดดไลน์ 31 สิงหาคมนี้ ชี้ภารกิจของสหรัฐฯ ภายในอัฟกานิสถานสำเร็จลุล่วงแล้ว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจยกระดับขึ้น ย้ำเชื่อมั่นในกำลังความสามารถของทหารอัฟกัน ประชาชนชาวอัฟกันจะเป็นผู้ตัดสินหน้าตารัฐบาลใหม่ของพวกเขาเอง ไม่ใช่เราเป็นคนกำหนด โดยจะยังคงเหลือกำลังทางทหารบางส่วนคุ้มครองความปลอดภัยของสถานทูตสหรัฐฯ และท่าอากาศยานนานาชาติในกรุงคาบูล ร่วมกับกองกำลังจากตุรกี
ภาพ: Saul Loeb / AFP
อ้างอิง:
- https://www.aljazeera.com/news/2021/7/19/us-to-evacuate-2500-afghans-to-us-military-base-in-virginia
- https://www.wric.com/news/virginia-news/us-to-evacuate-about-2500-afghan-visa-seekers-to-fort-lee-army-base-in-virginia/
- https://www.washingtonpost.com/politics/us-to-evacuate-afghan-visa-seekers-to-army-base-in-virginia/2021/07/19/db6c2fc0-e8b0-11eb-a2ba-3be31d349258_story.html