นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า การเซ็นสัญญาซื้อขายวัคซีนทางเลือก ‘BioNTech ชนิด mRNA และ Novavax’ กับทางผู้ผลิตวัคซีนน่าจะเกิดขึ้นในช่วงเย็นวันนี้ (15 กรกฎาคม) จากนั้นจะจัดเตรียมเอกสารสำคัญที่จำเป็น ส่งมอบให้กับตัวแทนผู้นำเข้า ดังนั้นในลำดับถัดไปตัวแทนผู้นำเข้าและจำหน่ายจะเป็นผู้ประกาศเรื่องการสั่งซื้อและนำเข้าวัคซีนทางเลือกในครั้งนี้
“เย็นนี้จึงจะมีการลงนามและเซ็นสัญญาเกิดขึ้น เพราะต้องรอให้ชาติตะวันตกเขาเป็นเวลาเช้าก่อน จากนั้นก็เอาสัญญาซื้อขายและเอกสารสำคัญๆ ให้กับตัวแทนผู้นำเข้า และเขาจะเป็นคนประกาศ ซึ่งในเอกสารและสัญญาก็จะมีการเปิดเผยชื่อหน่วยงานภาครัฐที่เราร่วมมือด้วย และชื่อตัวแทนนำเข้าครั้งนี้”
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลต่อราคาหุ้นของ THG ซึ่งเช้าวันนี้ (15 กรกฎาคม) ปรับตัวขึ้นร้อนแรง ล่าสุด คลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 33.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท หรือ 12.61% ระหว่างวันในช่วงการซื้อขายภาคเช้าปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 34.50 บาท
ก่อนหน้านี้ THG ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรที่เกี่ยวข้องไปแล้ว โดยอิางจาก MOU เบื้องต้น THG คาดว่าจะได้รับวัคซีนทางเลือก 2 ชนิดดังกล่าวจากตัวแทนจำหน่ายจำนวน 20 ล้านโดส ราคานำเข้าวัคซีนต่อโดสที่รวมต้นทุนค่าจัดเก็บและค่าขนส่งแล้วอยู่ที่ประมาณ 900 บาทต่อโดส แต่ยังต้องมีค่าภาษีอีกส่วนหนึ่ง
นอกจากนี้คาดว่าทางตัวแทนจำหน่ายจะสามารถส่งมอบวัคซีนทั้ง 2 ยี่ห้อให้กับทางโรงพยาบาลล็อตแรก 20 ล้านโดส อย่างเร็วที่สุดในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมหรือต้นเดือนสิงหาคม 2564 แบ่งเป็นวัคซีนจาก BioNTech 10 ล้านโดส และ Novavax 10 ล้านโดส จากจำนวนทั้งหมดที่ทางโรงพยาบาลธนบุรีเจรจาไว้ 40 ล้านโดส โดย THG จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อและนำเข้าวัคซีนทั้งหมด
“ดีลของ BioNTech เคยเจรจรามานานแล้วกับผู้ผลิตที่เยอรมนี แต่ว่าก็ต้องยุติไปราวเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากโรงพยาบาลเอกชนไม่สามารถซื้อและนำเข้าวัคซีนเองได้ และตอนนั้นก็ไม่มีหน่วยงานภาครัฐมาเป็นตัวกลางให้ แต่ตอนนี้เราร่วมกับทางหน่วยงานภาครัฐ ทำให้สามารถไปเจรจาเพื่อสั่งซื้อและนำเข้าได้อีกครั้งในเวลาที่รวดเร็วขึ้น”
ทั้งนี้วัคซีนจาก BioNTech ที่เยอรมนีนั้น แม้จะเป็นชนิดใกล้เคียงกันกับ Pfizer ที่รัฐบาลไทยเจรจาไว้เพื่อนำเข้า แต่ตัวนิติบุคคลต่างกัน โดย THG เจรจากับ BioNTech ที่เยอรมนี ส่วนที่รัฐบาลไทยประสานงานอยู่นั้นเป็น Pfizer ที่สหรัฐอเมริกา
นพ.บุญ กล่าวเพิ่มว่า ในส่วนของการนำเข้าวัคซีน Novavax ซึ่งจะสั่งซื้อเข้ามา 20 ล้านโดสนั้น คาดว่าจะยังต้องรอการพิจารณาอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ก่อน และหลังจากนั้นจะสามารถเซ็นสัญญาสั่งซื้อเข้ามาได้ น่าจะเป็นช่วงต้นปี 2565 โดยที่วัคซีน Novavax เป็นวัคซีนพัฒนาด้วยเทคโนโลยี Subunit หรือหนามแหลมของไวรัส ซึ่งมองว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถช่วยป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้
“สาเหตุที่ดีล BioNTech ชนิด mRNA เข้ามา เพราะเป็นวัคซีนที่สามารถพัฒนาสูตรใหม่ได้เร็ว ใช้เวลาราว 3 เดือน และราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับวัคซีนเชื้อตายซึ่งใช้เวลาพัฒนาราว 6-9 เดือน ตอนนี้การกลายพันธุ์ของไวรัสเป็นเรื่องที่ต้องรับมืออย่างเร่งด่วน ด้วยวิธีการที่รวดเร็วและวัคซีนที่มีประสิทธิภาพพอ”